วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553

..เพื่อฉัน เธอเปลี่ยนให้ได้ไหม..

forecast / Cindy


 


 


ยามเที่ยงของวันที่อากาศไม่ค่อยเป็นใจนัก
เมื่อฝนเทลงมาราวกับฟ้ารั่ว .. การเดินทางมาถึงของใครบางคนคงไม่ง่ายดายนัก
แต่สำหรับฉันแล้ว การนั่งรออยู่ในร้านไอศครีมกลางห้างสรรพสินค้าที่โอ่อ่า
ก็เป็นการฆ่าเวลาที่ไม่น่าเบื่อซะทีเดียว..


ฉันดูดน้ำหวานในแก้วโฟรทเกือบเฮือกสุดท้าย
ก็แทบจะสำลักเมื่อได้เห็นร่างที่คุ้นเคยพร้อมเสียงตะโกน
"หมูน้อย ๆ .."
 จะเรียกแบบนั้นทำไมนะ
ไม่เห็นหรือไงว่าแทบทุกโต๊ะหันพรึ่บไปมองกันหมดแล้ว


ชายหนุ่มผมยาวในชุดนักศึกษาช่างกลชื่อดังสาวเท้ามาถึงโต๊ะ
เขาไม่ได้ถือไม้ทีพาดบ่าไว้เหมือนคราวไปกับก๊วนแก๊งค์
แต่ถือหนังสือไม่กี่เล่มเอาไว้ในมือ ก่อนจะวางมันลงตรงหน้าฉัน
"หมูน้อยมานานแล้วยังจ๊ะ .. พี่ติดฝนอยู่อ่ะ เลยมาช้านิดนึง ..แหะๆ"
กลิ่นโคโลญเบาบางกรุ่นจากเสื้อชอปของเขา แต่สายตาของฉันก็เข้มขึ้น
เมื่อเห็นว่า ผมยาวของเขาถูกรวบมัดเอาไว้..เหมือนทุกครั้ง


"ไม่เท่าไหร่ค่ะ แล้วเมื่อไหร่พี่หมีจะตัดผมซะที
แก้มไม่ชอบผู้ชายผมยาว บอกหลายครั้งแล้วนะ"
ปลายเสียงกระด้างของฉันทำให้เขาคอแข็งไปชั่วขณะ
ก่อนจะไหวไหล่ อย่างไม่แยแสนัก


"ก็เหมือนกันนั่นแหละ พี่ก็ไม่ชอบผู้หญิงที่ไม่ทาเล็บ"
พูดไม่พอ ยังจะทำแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ราวกับการที่ฉันไม่ทาเล็บเป็นเรื่องผิดปกติ


" อะไร ๆ ไม่ชอบก็ช่างสิ๊ ใครง้อให้ชอบล่ะ ..ไปดีกว่า แก้มอยากจะช๊อปปิ้ง
นั่งรอใครก็ไม่รู้อยู่ตั้งนาน มาก็ช้า แล้วยังจะไม่ยอมทำตามที่เราขอร้อง
น่าเบื่อออออออ... " ฉันลากเสียงยาวใส่เขา ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากร้าน
โดยมีร่างสูงวิ่งตามมาติด ๆ


"เอ้อๆ พี่ผิดเองที่มาช้า แล้วหมูน้อยอยากจะได้อะไรล่ะ .."
ฉันหันขวับไปมองเขาทำตาโต ..
"ให้จริงอ๊ะ .. ไม่หรอกมั๊ง พี่หมีไม่กล้าให้หร๊อก พี่หมีอ่ะ งกจะตาย"
"รู้ได้ไง ว่าพี่จะไม่ให้ แล้วหมูน้อยอยากได้อะไรล่ะ"
ฉันยิ้มแก้มตุ่ย เพราะเห็นสีหน้าที่เริ่มจะจริงจังของเขา
ก่อนจะจูงมือเขาเดินผ่านร้านค้าต่างๆ จนไปถึงหน้าร้านของเล่น
ที่ตู้กระจกหน้าร้าน .. มีตุ๊กตาบลายธ์เรียงรายอยู่อย่างสวยงาม


พลันเขาก็หยุดชะงัก ทำทีท่าไม่เห็นด้วย
"เฮ้ย.. หมูน้อยจะเล่นตุ๊กตาแบบนี้เหรอ น่ากลัวจะตาย
หัวก็โต ตาก็โต แทบจะถลนแล้ว ดันเปลี่ยนสีได้อีก สยองๆ อย่าเอาเลย"
ฉันค้อนเขาเสียวงใหญ่
"นั่นสินะ จริงอย่างที่บอกเมื่อกี้ไหมล่ะ ว่าพี่หมีขี้งก ชิชะ บอกจะให้แล้วมาเปลี่ยนใจ"
"เปล่าซะหน่อย .. " เขาหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะมองไปยังกระจกอีกด้าน
มีตุ๊กตาสไตล์ BJD อยู่หลายตัว หน้าตาคล้ายๆบลายธ์ แต่ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ
"อืม.. โน่นๆ ถ้าหมูน้อยสนใจอยากได้ตุ๊กตาแนวนี้ พี่จะไม่ว่าเลย"
ฉันหันไปมองอย่างสงสัย ..
"อ๋อ Pullip เหรอ น่ารักค่ะ น่ารักมากด้วย ..เอ๊ะ แล้วทำไมพี่หมีรู้ว่า
จริงๆแล้ว แก้มอยากได้ตัวที่ตู้โน้นอ่ะ"
เขาเปิดยิ้มกว้าง พลางดึงมือฉันให้ไปยืนดูตุ๊กตาแสนน่ารักใกล้ๆ
" ก็พี่รู้ใจแก้มน่ะสิ .. "
" ทำเป็นรู้มาก .. ซื้อให้เลยๆ "


...


เย็นวันนั้น ฉันกลับถึงบ้านพร้อมกล่องตุ๊กตา
ฉันเปิดกล่องอย่างตื่นเต้น ทั้งที่หยิบจับมาไม่รู้กี่รอบแล้วที่ร้าน
ฉันเลือกตุ๊กตาผู้หญิงผมยาวสีม่วงเข้ม ซึ่งไม่ใช่ตัวที่คนซื้อให้อยากจะให้ซื้อนัก
เพราะเขาเลือกอีกตัวที่เป็นผู้หญิงผมยาวสีน้ำตาล นัยน์ตาเป็นรูปดาว
แต่ฉันกลับเลือกตัวนี้ .. เพราะสีของลิปกลอสสีหวานที่จับตาฉันมากกว่า


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
"อย่าเอาแต่เล่นตุ๊กตาล่ะ หมูน้อย รีบทำการบ้านแล้วก็เข้านอนไวๆ
เดี๋ยวตื่นสายไม่รู้ด้วยนะ"
"เจ้าค่า..ท่านพี่หมี"  ก่อนจะวางสาย ฉันได้ยินเสียงแม่เขาเรียกแว่วๆมา


ฉันกับพี่อิฐ หรือก็คือพี่หมีผมยาวคนนี้
เป็นเพื่อนบ้านกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เราสนิทกันเป็นพักๆ
เพราะมีช่วงหนึ่งที่ฉันย้ายไปอยู่ที่อื่น แล้วก็กลับมาอยู่ที่เดิม
เราก็กลับมาสนิทกันอีก ..


สำหรับฉันแล้ว เขาเป็นพี่ชายที่น่ารักคนหนึ่ง
ไม่ใช่ฉันไม่อยากจะคบเขาหรือให้ความสำคัญเขามากกว่านั้น
แต่เพราะฉันไม่ชอบผู้ชายผมยาว ..ที่บ้านฉันไม่ชอบผู้ชายผมยาว
พ่อเตือนฉันบ่อยๆว่า ให้ระวังพวกศิลปินผมยาว .. ก็ไม่รู้ว่าท่านเหมารวมไปหมดซะทุกคนทำไมกัน
แต่ที่แน่ ๆ ถ้าคิดจะคบกัน ฉันขอให้เขาตัดผม แต่เขาก็ไม่เคยจะยอมให้ฉันเลย


เรียกได้ว่า ยอมทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้เรื่องเดียว


ถ้าคุณจะเถียงว่า ..ความรักไม่มีเงื่อนไข เรื่องเดียวแค่นี้ ทำไมฉันจะต้องคิดมาก
ก็ฉันเป็นฉัน และฉันมีเงื่อนไข.. มันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงซะด้วย



...


แล้วใครจะรู้ว่า วันพิสูจน์เงื่อนไขของฉันจะมาถึงเร็วขนาดนี้..
เมื่อ 1 ปีผ่านไป เขาเรียนจบแล้ว ได้ทำงานที่บริษัทรับออกแบบ


เมื่อเขาต้องการให้ฉันยืนยันสถานะภาพระหว่างเราให้แน่ชัด
และเมื่อฉันบอกเงื่อนไขเดิม เขาก็นิ่งไปพักใหญ่


" พี่คิดว่าเราน่าจะเข้าใจกันได้แล้วนะหมูน้อย พี่ไม่ตัดผมแน่นอน
ตัดก็ได้ถ้ามันยาวรกไป แต่ยังไงก็ต้องทรงนี้ .. หมูน้อยอ่ะ พี่เป็นศิลปินนะ
พี่รักผมของพี่ ทำไมต้องบังคับพี่ด้วย" น้ำเสียงเขาข่มความรู้สึกเอาไว้มากมาย
เขาคงมองว่ามันเป็นเรื่องงี่เง่าตลอดมา..สาเหตุที่ฉันไม่ยอมเป็นแฟนกับเขาเสียที
ไปไหนมาไหนด้วย แต่บอกทุกคนว่าเป็นพี่ชาย การใกล้ชิดก็เหมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่ง


" แก้มมีเงื่อนไขแค่นี้เอง ..พี่ทำไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรนี่คะ
เราเป็นเพื่อนกันต่อไป พี่น้องกันเหมือนเดิม .. ไม่เห็นเป็นไรเลย"


"แก้มแน่ใจแล้วนะว่าจะเป็นเหมือนเดิม จะไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรให้มันดีกว่านี้?"
สรรพนามที่ถูกเรียกเปลี่ยนไป ..ฉันใจหายไปวูบหนึ่ง ยิ่งน้ำเสียงเขาที่จริงจัง
มันยิ่งเหมือนกับว่า .. เขากำลังตัดสินใจอะไรอยู่ และแน่นอนว่า มีฉันอยู่ในการตัดสินใจครั้งนี้ด้วย
ถ้าฉันเลือกแตกต่างกับเขา ..อะไรต่ออะไรมันคงไม่เหมือนเดิมแน่ ๆ


"แล้วอะไรล่ะที่ว่ามันดีกว่านี้  ก็พี่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงให้แก้มอ่ะ"
ฉันรู้สึกเหมือนกำแพงสองด้านกำลังบีบตัวเข้ามา ..เหมือนหัวใจของฉันมันถูกบีบคั้นมากมายเหลือเกิน
เพราะฉันรู้แล้วว่า เงื่อนไขนั้นมันไม่ใช่มาจากพ่อเท่านั้น แต่มาจากตัวฉันเองด้วย
และเมื่อมองเห็นแววตาเขาที่ฉายความผิดหวังออกมาอย่างแจ่มแจ้ง
ฉันก็รู้แล้วว่า .. มันคงไม่มีทาง


เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอื้อมมือมาแตะไหล่ฉันเบาๆ
ก่อนจะลุกขึ้นและเดินจากไป..


...


หลังจากวันนั้น เกือบ 6 เดือนต่อมา
ที่บ้านฉันก็ได้การ์ดสีขาว.. การ์ดแต่งงานของพี่อิฐกับเพื่อนร่วมงานสาวสวยของเค้า
ฉันรู้สึกเหมือนน้ำตามันจะไหลออกมา แต่ก็หายไปหมด.. มันคงไหลท่วมท้นอยู่ในอกของฉัน
ฉันมีทิฐิมากไป.. อคติมากไป.. หรือเพราะอะไรกัน..


แต่ไม่ว่ายังไง สมองของฉันก็ยังตะโกนออกมาว่า "ก็แค่เรื่องเดียว เปลี่ยนแปลงให้กันไม่ได้"


...
 
ในวันงาน ฉันไปร่วมงานเหมือนแขกคนหนึ่ง
เขาอยู่ในชุดสูทสีดำดูดีมากแม้ว่าจะรวบผมยาวมัดเอาไว้ด้านหลัง
ข้างกายเขาคือเจ้าสาวแสนสวย..ชุดเจ้าสาวสีงาช้างช่างดูเหมาะสมกันเหลือเกิน
ฉันทักทายเขา ..ฉันยิ้มให้เขา .. ฉันอวยพรให้เขา..ทั้งคู่


...


เวลาผ่านไปอย่างเนิ่นนาน 7 ปีที่ฉันแทบไม่ได้เจอกับเขาเลย
เมื่อต้นปี ฉันได้ยินแม่เล่าว่า เขาเลิกกับภรรยาแล้ว
ทั้งสองคนมีลูกด้วยกัน 2คน ภรรยาเก่าเป็นผู้เลี้ยงดู
ส่วนเขาก็ยังทำหน้าที่พ่อ ส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้ลูกอยู่ทุกเดือน
อีกทั้งเขายังย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ กับบริษัทผลิตภาพยนต์โฆษนาในญี่ปุ่น


...


แล้วเหตุการณ์ที่ฉันไม่คาดคิดก็มาเยือนอย่างที่ฉันตั้งตัวแทบไม่ทัน
ในค่ำของวันที่ฝนตกหนัก ฉันวิ่งกลับมาถึงหน้าบ้านแม้ในมือจะมีร่ม
แต่เพราะของพะรุงพะรังจึงทำให้ฉันควานหากุญแจในกระเป๋าได้ยาก



ในขณะที่ฉันกำลังวุ่นวายอยู่นั้น ก็มีเสียงหนึ่งตะโกนทักมาจากอีกฝั่งถนน
"หมูน้อย.." ฉันหยุดนิ่งอย่างตกตะลึงในเสียงที่คุ้นเคย
เมื่อหันกลับไป เขาก็วิ่งข้ามมาอยู่ต่อหน้าฉันแล้ว
ฉันเขม้นตามองเขา เพราะไม่แน่ใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ตัดผมรองทรง ในมือมีร่มคันใหญ่ ยืนยิ้มให้กับฉัน
" พี่ช่วยถือของให้ก่อนมั๊ย.."