วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2552

เด็กหญิงขายไม้ขีดไฟ

ฤดูหนาวย่างกรายเข้าใกล้มาทุกขณะ..
เหมือนฝันบอกว่า ลมแรงมาก..เสียงลมด้านนอกราวกับจะพักให้ตึกทั้งตึกพังลงได้
ฉันไม่เคยเห็นหิมะและสายลมสีขาวเทา
เพราะไม่เคยสัมผัสบรรยากาศ ฤดูหนาวของประเทศเมืองหนาว
จึงได้แต่ฝันตั้งแต่ยังเด็กว่า สักวันจะต้องไปหยิบจับหิมะของจริงให้ได้
ฤดูหนาว จึงเป็นฤดูกาลที่ฉันชื่นชอบมาตลอด..








นิทานเรื่อง "เด็กหญิงขายไม้ขีดไฟ" จึงเป็นอีกเรื่องที่ตราตรึงในหัวใจเสมอมา
"La Petite Fille aux allumettes"
เรื่องราวของเด็กหญิงยากจน ที่มีอาชีพขายไม้ขีดไฟ
ในคืนที่หิมะตกหนัก ทุกคนต่างพากันอยู่ในบ้านเพื่อความอบอุ่น
แต่เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้กลับไม่สามารถหาที่สำหรับซ่อนตัวจากความเหน็บหนาวได้
เธอต้องขายไม้ขีดไฟให้หมดตะกร้า เพื่อจะมีเงินสำหรับซื้ออาหารให้ตัวเอง
แต่ทว่า..ในคืนอันมืดมิดและเหน็บหนาวเช่นนี้
จะมีใครกันที่จะออกมาซื้อไม้ขีดไฟจากเด็กหญิง
เด็กหญิงแอบยืนมองเข้าไปทางหน้าต่างของบ้านแต่ละหลัง
ทุกบ้านมีความอบอุ่นของเตาผิง ทุกครอบครัวอยู่กับพร้อมหน้า
บ้างกำลังรับประทานอาหารค่ำ บ้างกำลังนั่งเล่นในห้องนั่งเล่น
แต่..เธอเองกลับต้องอยู่กับความโดดเดี่ยวท่ามกลางคืนแห่งนี้



เมื่อความหนาวบาดลึกเข้าสู่ผิวกายอย่างหนักหน่วง
เด็กหญิงจึงมองหามุมหนึ่งของถนนอันเงียบงัน เพื่อนั่งลงพัก
เพราะความหนาว เธอปรารถนาความอบอุ่นจากแสงไฟ



ในมือมีตระกร้าที่บรรจุไม้ขีดไฟเหลืออยู่1กล่อง
เธอเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา... แล้วจุด
แสงจากไฟดวงแรกสร้างความมหัศจรรย์ให้กับเธอ
เธอมองเห็นคุณยายซึ่งจากเธอไปสวรรค์นานแล้ว เดินเข้ามาหาเธอ
รอบตัวคุณยายมีของขวัญหลากหลายกล่อง มีโต๊ะที่วางอาหารชั้นเลิศเอาไว้
แต่ก่อนที่คุณยายจะเดินเข้ามาใกล้..แสงไฟของไม้ขีดดวงจ้อยก็ดับลง
เด็กหญิงรีบจุดไฟดวงที่สอง ...
ในความมหัศจรรย์นั้น เด็กหญิงวิ่งเข้าไปสวมกอดคุณยายเอาไว้
เธอได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากเสื้อของคุณยาย เธอซุกหน้าที่อกเสื้อของคุณยาย
ปากก็พร่ำบอกว่า .."หนูคิดถึงคุณยายเหลือเกิน"
ทุกครั้งที่ดวงไฟดับมอดลง..
ภาพตรงหน้าที่เหมือนจะหายไปก็กลับผุดขึ้นมาใหม่ต่อหน้าเด็กหญิง
เมื่อเธอจุดมันต่อเรื่อย..เรื่อย



กระทั่งเหลือไม้ขีดอีกครึ่งกล่อง เด็กหญิงปรารถนาจะตามคุณยายไป
เธออยากจะไปอยู่กับคุณยาย ..ณ.ที่แห่งนั้นเหลือเกิน
ที่ที่จะไม่มีเสียงร้องไห้อีกต่อไป ไม่มีความเหงาและเปล่าเปลี่ยว
มีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ความเหน็บหนาวจะไม่สามารถกล้ำกรายเข้าไปได้
เธอจึงหยิบไม้ขีดที่เหลือทั้งหมดแล้วจุด ดวงไฟที่สว่างจ้ากว่าดวงก่อนๆ
ทำให้เธอได้กอดคุณยายไว้อีกครั้ง..
และครั้งนี้คุณยายจะพาเธอไป..
ณ.ที่แห่งนั้นที่เธออยากจะไปเหลือเกิน


รุ่งเช้า ชาวเมืองพบร่างไร้วิญญาณของเด็กหญิงตัวน้อย
ที่พวกเขาเคยเห็นเธอเดินขายไม้ขีดไฟอยู่เมื่อคืนนี้..


.............

เหมือนชีวิตจะโหดร้ายกับเด็กหญิงขายไม้ขีดไฟ
เหมือนเธอจะถูกผู้สร้างทอดทิ้งให้ต้องพบกับความโหดร้ายของสังคม
ความขมขื่นน่าจะก่อตัวขึ้นภายในจิตใจดวงน้อย ๆ
แต่ไม่เลย..ไม่เลยสักนิด


เธอได้พบแล้วว่า ที่ที่เหมาะกับเธอจริงๆ
บ้านที่แท้จริงของเธอนั้นอยู่ ที่ไหน..


.............

ปัจฉิมลิขิต
 ฉันเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาใหม่จากความทรงจำที่เคยอ่านเมื่อหลายปีก่อน
อยากจะบอกว่า อ่านครั้งใด..มีน้ำตาทุกครั้ง


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น