วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2552

สุภาพบุรุษออนไลน์


ใครจะไปคาดคิด ว่าจะมีโอกาสรู้จักกับคนจากสื่อ อินเตอร์เนต
ที่ไม่เคยแม้แต่เห็นหน้ากัน แต่กลับห่วงใยและใส่ใจเรามาก..
และดูเหมือนจะมากยิ่งกว่าตัวเราเองเสียอีก.. 
ในเมื่อข่าวเรื่องการหลอกลวงทางอินเตอร์เนตมีมากขึ้นทุกวัน




แต่ฉันก็ได้พบใครคนหนึ่ง คนที่สร้างนิยามใหม่บนโลกไซเบอร์แห่งนี้ 
เขา เป็นคนคนนั้น คนที่ทำให้ฉันรู้จักคำว่า รักและห่วงใยอย่างบริสุทธิ์ใจ 
เราไม่ได้ผูกพันธ์กันด้วยคำว่า คนรัก แต่เป็นเพียงเพื่อนพูดคุยกันในยามเหงา...
เรื่องเริ่มขึ้น เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว...








ในเวลาค่ำคืนวันที่ท้องฟ้าไม่เป็นใจ 
ปล่อยให้สายฝนสาดซัดลงมาอย่างหนักหน่วง
ไม่มีใครห้ามธรรมชาติได้ ฉันเองก็เช่นกัน 
ฉันทำได้เพียงแค่พาร่างกายอันเปียกปอน
เพราะน้ำฝนวิ่งตรงไปยังประตูรั้วหน้าบ้าน



มือหนึ่งรัวกดกริ่งเรียกคนข้างใน ส่วนอีกมือกำกระเป๋าที่ภายใน
บรรจุเอกสารการสมัครงานไว้เต็มเพียงไม่นาน 
แม่ก็วิ่งถือร่มมาไขประตูรั้ว



รีบเข้าบ้านเร็วลูก



หนาวไม๊ เข้าไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวแม่เอาผ้าไปให้ แม่เอ่ยกับฉัน 
ฉันวางกระเป๋าลงที่โต๊ะทานข้าว แล้วจึงรีบเข้าไปจัดการตัวเอง




ในม่านน้ำอุ่นที่ไหลลงมาเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ บนใบหน้าและลำตัวของฉัน
มันไม่สามารถสร้างความอุ่นใจให้กับฉันในวันที่ผิดหวังเช่นนี้



วันนี้ฉันตั้งใจจะไปสมัครงาน ฉันเรียนจบได้หลายเดือนแล้ว 
แต่ต้องแกร่วอยู่กับหน้าหนังสือพิมพ์จัดหางานมาตลอด 
และเมื่อพบกับตำแหน่งที่น่าจะเหมาะสมกับตัวเองที่สุด
ฉันจึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปสมัครทันที



ทว่า สิ่งที่ฉันเจอ กลับไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ


ฉันแทบจะไม่ผ่านการสอบสัมภาษณ์เสียด้วยซ้ำไป 
..เป็นเพราะความประหม่าหรืออย่างไรกัน ฉันจึงต้องพลาดงานนี้




ก่อนหน้านี้เมื่อรู้สึกล้ากับงานที่ไม่ตรงกับสาขาที่เรียนมา
ฉันหาทางออกด้วยการเข้าไปในอินเตอร์เนตในโลกไร้พรมแดนแบบนั้น
คงจะมีเพื่อนคุยบ้างล่ะนะ .....ฉันนึกกับตัวเอง




ฉันเริ่มด้วยการเดินเข้าไปใน แชทรูมของเว็บแห่งหนึ่ง
การพูดคุยแนะนำตัว 
ต้องเริ่มต้นใหม่เกือบทุกชั่วโมง
แรก ๆ ฉันรู้สึกสนุกกับความบรรยากาศแปลกใหม่ตรงนี้


แต่นานวันเข้า ฉันเริ่มเบื่อหน่ายกับมัน



ลองนึกดูสิ การที่เราต้องบอกคนแปลกหน้าทุกครั้งที่เจอ ว่า ชื่ออะไร 
อายุเท่าไหร่ อยู่ที่ไหน เรียนอะไร ทำงานอะไร หรืออะไรต่ออะไร 
มันจะเหนื่อยแค่ไหน ถ้าเราต้องแนะนำตัวเกือบทุกชั่วโมงแบบนี้


เสมือนว่า ความสัมพันธ์ที่เริ่มไม่มีการสานต่อ การพบเพื่อนใหม่เยอะ ๆ 
มันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าพบแล้วจาก..พบแล้วจาก แล้วเจอใหม่ 
เริ่มใหม่จากศูนย์เสียทุกรอบอย่างนี้ คงไม่ไหวเป็นแน่



แต่ในที่สุด...คืนนี้..คืนที่ฉันมีแต่น้ำตากับความผิดหวังเป็นเพื่อน 
ฉันก็ต่อสายโทรศัพท์เหมือนเคยราวกับคนไม่มีอะไรจะทำ 
สองมือพรมนิ้วบนแป้นคีย์บอร์ดตอบคำถามใครต่อใครที่ก้าวเข้ามาทักทาย 
แต่ในใจร้างไร้ซึ่งความรู้สึกยินดีหรือตื่นเต้นกับการพูดคุยกับคนใหม่ ๆ




และแล้ว ใครคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาทักทาย 
เขาใช้ชื่อว่า ผู้ชายธรรมดา 
คำทักทายเหมือนใครหลายคนส่วนฉันใช้ชื่อว่า คนเบื่อโลก


ฉันนิ่งมองการทักทาย สวัสดี ของเขาอยู่ครู่
ในเมื่อฉันเองก็ไม่มีใครคุยด้วย



ฉันจึงเริ่มคุยกับเขา..เราสนทนากันหลายเรื่อง 
ตั้งแต่เรื่องสรรพเพเหระกระทั่ง
เรื่องการเมืองและปรัชญาชีวิต 
คำพูดและการสนทนาก็ไม่ได้ต่างไปจากคนอื่น ๆ
สักเท่าใด แต่มันแปลกและแตกต่างกันตรงที่



เมื่อฉันเริ่มทนกับความรู้สึกอัดอั้นภายในใจไม่ไหว
จนต้องระบายออกมา เขาก็นิ่งฟัง



และบอกเพียงคำสั้น ๆ กับฉัน
อย่าคาดหวัง หรือวางความหวังไว้กับอะไรมากไป 
เผื่อใจไว้ครึ่งหนึ่งเสมอเพื่อที่ ถ้าเกิดผิดพลาด ไม่สมหวัง 
เราก็จะไม่ทุรนทุรายกับความคาดหวังของตัวเอง 
อาจเพราะข้อคิดเหล่านี้กระมัง



ที่ทำให้ฉันและเขาเริ่มสนิทกัน เราคุยกันเกือบทุกคืนหลังจากนั้น 
เพียงแค่ในห้องแชทเท่านั้นไม่มีการติดต่อนอกเหนือไปจากนั้น



แล้ววันหนึ่ง เขาก็บอกกับฉันว่า พี่คงไม่ได้มาแชทอีกแล้ว
เจ้านายย้ายไปที่หน่วยอื่น คงยากที่จะเข้ามาแชทแบบนี้ เอาเป็นว่า 
มีเรื่องไม่สบายใจอะไร ก็เมลล์คุยกับพี่ได้เสมอนะ...




ฉันทำเหมือนว่าข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอเหมือนกระจกใสสำหรับฉัน..
ฉันแสร้งมองไม่เห็นมัน..แต่ฉันจะหลอกตัวเองได้อย่างไร ในเมื่อ 
หลังจากวันนั้นทุกครั้งที่ฉันเข้าไปที่นั่น 
และพยายามส่ายตามองหารายชื่อเขาก่อนเสมอ 
ในใจลึก ๆ หวังเพียงอยากเจอเขาในทุก ๆ ครั้ง แต่ก็ไม่เคยพบเลย....



...............



วันผ่านวัน..คืนผ่านคืน..ฉันได้งานที่หวังไว้แล้ว
และยังคงมุ่งมั่นกับงานตรงหน้า 
แต่ทุกครั้งที่ว่างก็ยังอดไม่ได้ที่จะแวะเวียนไปยัง ห้องแชทแห่งนั้น


ไม่มีใครทำให้ฉันรู้สึกคิดถึงและห่วงใยได้มากเท่าเขา..
มันเป็นเพราะอะไรกัน..ฉันเฝ้าถามคำถามนี้กับตัวเอง..



ฉันอาจหลงลืมเขาไป..เมื่องานเข้ามาประดังในสมอง แต่เช้านี้ 
ฉันเข้ามาเช็คเมลล์เหมือนเคยเมลล์ 1 ฉบับจากคนที่ฉันไม่รู้จัก 
ฉันไม่เคยติดต่อกับเมลล์แปลกหน้านี้ ฉันนิ่งมองอย่างใช้ความคิดชั่วครู่



ฉันจะลบทิ้งเหมือนเมลล์ขยะอื่น ๆ ดีไหมนะ เพราะชื่อหัวข้อก็ไม่มี 
อีกทั้งเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้อาจจะส่งไวรัสมาก็ได้



แต่..ฉันก็เปลี่ยนใจที่จะเปิดอ่าน 
ฉันนั่งรอให้หน้าเมลล์เปิดออกอย่างกระวนกระวายใจ



ใจลุ้นระทึกกับความหวาดหวั่นระคนสงสัย และเมื่อเมลล์เปิดออก 
ข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอ สร้างรอยยิ้มและน้ำตาให้ฉันโดยไม่รู้ตัว



สวัสดีจ้ะ....(พี่ยังไม่รู้ชื่อเราเลยนะ สาวน้อยเบื่อโลก) ..



พี่ก็ยังไม่ได้บอกเราเลยนี่เนอะ พี่ชื่อก้องนะ อืม ๆ ตอนนี้พี่ย้ายที่ทำงานแล้วล่ะ
คือ เจ้านายส่งพี่เข้าไปที่บริษัทแม่น่ะ นึก ๆ ก็ดีใจนะ เผื่อเราจะเจอกันมั่งเนาะ 
ตอนนี้พี่ก็สบายดี แล้วเราล่ะจ๊ะ สบายดีไม๊



ยังไงก็ส่งข่าวมาหากันบ้างนะ แล้วอย่าลืมบอกด้วยล่ะ ว่าชื่ออะไร 
อ่อๆ นี่เป็นเมลล์ใหม่ของพี่จ้ะ คุย msn กันสะดวกขึ้นไง




Ps. พี่แอดเมลล์เราแล้วนะ




ก่อนที่ฉันจะลงมือตอบเมลล์ฉบับนั้น เสียงของหัวหน้าของฉันก็ดังขึ้นข้างหลัง



แป้งร่ำ นี่คุณก้องเกียรติ เป็นหัวหน้างานคนใหม่ของคุณนะ 
ทำความรู้จักกันไว้สิ ต้องร่วมงานกันอีกนาน ฉันหันมอง พบชายร่างสูงโปร่ง


รอยยิ้มอบอุ่นใจนั่น...ทำให้ฉันคิดถึงใครบางคน หรือว่า.....



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น