ใครจะไปคาดคิด ว่าจะมีโอกาสรู้จักกับคนจากสื่อ อินเตอร์เนต
ที่ไม่เคยแม้แต่เห็นหน้ากัน แต่กลับห่วงใยและใส่ใจเรามาก..
และดูเหมือนจะมากยิ่งกว่าตัวเราเองเสียอีก..
ในเมื่อข่าวเรื่องการหลอกลวงทางอินเตอร์เนตมีมากขึ้นทุกวัน
แต่ฉันก็ได้พบใครคนหนึ่ง คนที่สร้างนิยามใหม่บนโลกไซเบอร์แห่งนี้
เขา เป็นคนคนนั้น คนที่ทำให้ฉันรู้จักคำว่า รักและห่วงใยอย่างบริสุทธิ์ใจ
เราไม่ได้ผูกพันธ์กันด้วยคำว่า คนรัก แต่เป็นเพียงเพื่อนพูดคุยกันในยามเหงา...
เรื่องเริ่มขึ้น เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว...
ในเวลาค่ำคืนวันที่ท้องฟ้าไม่เป็นใจ
ปล่อยให้สายฝนสาดซัดลงมาอย่างหนักหน่วง
ไม่มีใครห้ามธรรมชาติได้ ฉันเองก็เช่นกัน
ฉันทำได้เพียงแค่พาร่างกายอันเปียกปอน
เพราะน้ำฝนวิ่งตรงไปยังประตูรั้วหน้าบ้าน
มือหนึ่งรัวกดกริ่งเรียกคนข้างใน ส่วนอีกมือกำกระเป๋าที่ภายใน
บรรจุเอกสารการสมัครงานไว้เต็มเพียงไม่นาน
แม่ก็วิ่งถือร่มมาไขประตูรั้ว
รีบเข้าบ้านเร็วลูก
หนาวไม๊ เข้าไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวแม่เอาผ้าไปให้ แม่เอ่ยกับฉัน
ฉันวางกระเป๋าลงที่โต๊ะทานข้าว แล้วจึงรีบเข้าไปจัดการตัวเอง
ในม่านน้ำอุ่นที่ไหลลงมาเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ บนใบหน้าและลำตัวของฉัน
มันไม่สามารถสร้างความอุ่นใจให้กับฉันในวันที่ผิดหวังเช่นนี้
วันนี้ฉันตั้งใจจะไปสมัครงาน ฉันเรียนจบได้หลายเดือนแล้ว
แต่ต้องแกร่วอยู่กับหน้าหนังสือพิมพ์จัดหางานมาตลอด
และเมื่อพบกับตำแหน่งที่น่าจะเหมาะสมกับตัวเองที่สุด
ฉันจึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปสมัครทันที
ทว่า สิ่งที่ฉันเจอ กลับไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ
ฉันแทบจะไม่ผ่านการสอบสัมภาษณ์เสียด้วยซ้ำไป
..เป็นเพราะความประหม่าหรืออย่างไรกัน ฉันจึงต้องพลาดงานนี้
ก่อนหน้านี้เมื่อรู้สึกล้ากับงานที่ไม่ตรงกับสาขาที่เรียนมา
ฉันหาทางออกด้วยการเข้าไปในอินเตอร์เนตในโลกไร้พรมแดนแบบนั้น
คงจะมีเพื่อนคุยบ้างล่ะนะ .....ฉันนึกกับตัวเอง
ฉันเริ่มด้วยการเดินเข้าไปใน แชทรูมของเว็บแห่งหนึ่ง
การพูดคุยแนะนำตัว
ต้องเริ่มต้นใหม่เกือบทุกชั่วโมง
แรก ๆ ฉันรู้สึกสนุกกับความบรรยากาศแปลกใหม่ตรงนี้
แต่นานวันเข้า ฉันเริ่มเบื่อหน่ายกับมัน
ลองนึกดูสิ การที่เราต้องบอกคนแปลกหน้าทุกครั้งที่เจอ ว่า ชื่ออะไร
อายุเท่าไหร่ อยู่ที่ไหน เรียนอะไร ทำงานอะไร หรืออะไรต่ออะไร
มันจะเหนื่อยแค่ไหน ถ้าเราต้องแนะนำตัวเกือบทุกชั่วโมงแบบนี้
เสมือนว่า ความสัมพันธ์ที่เริ่มไม่มีการสานต่อ การพบเพื่อนใหม่เยอะ ๆ
มันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าพบแล้วจาก..พบแล้วจาก แล้วเจอใหม่
เริ่มใหม่จากศูนย์เสียทุกรอบอย่างนี้ คงไม่ไหวเป็นแน่
แต่ในที่สุด...คืนนี้..คืนที่ฉันมีแต่น้ำตากับความผิดหวังเป็นเพื่อน
ฉันก็ต่อสายโทรศัพท์เหมือนเคยราวกับคนไม่มีอะไรจะทำ
สองมือพรมนิ้วบนแป้นคีย์บอร์ดตอบคำถามใครต่อใครที่ก้าวเข้ามาทักทาย
แต่ในใจร้างไร้ซึ่งความรู้สึกยินดีหรือตื่นเต้นกับการพูดคุยกับคนใหม่ ๆ
และแล้ว ใครคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาทักทาย
เขาใช้ชื่อว่า ผู้ชายธรรมดา
คำทักทายเหมือนใครหลายคนส่วนฉันใช้ชื่อว่า คนเบื่อโลก
ฉันนิ่งมองการทักทาย สวัสดี ของเขาอยู่ครู่
ในเมื่อฉันเองก็ไม่มีใครคุยด้วย
ฉันจึงเริ่มคุยกับเขา..เราสนทนากันหลายเรื่อง
ตั้งแต่เรื่องสรรพเพเหระกระทั่ง
เรื่องการเมืองและปรัชญาชีวิต
คำพูดและการสนทนาก็ไม่ได้ต่างไปจากคนอื่น ๆ
สักเท่าใด แต่มันแปลกและแตกต่างกันตรงที่
เมื่อฉันเริ่มทนกับความรู้สึกอัดอั้นภายในใจไม่ไหว
จนต้องระบายออกมา เขาก็นิ่งฟัง
และบอกเพียงคำสั้น ๆ กับฉัน
อย่าคาดหวัง หรือวางความหวังไว้กับอะไรมากไป
เผื่อใจไว้ครึ่งหนึ่งเสมอเพื่อที่ ถ้าเกิดผิดพลาด ไม่สมหวัง
เราก็จะไม่ทุรนทุรายกับความคาดหวังของตัวเอง
อาจเพราะข้อคิดเหล่านี้กระมัง
ที่ทำให้ฉันและเขาเริ่มสนิทกัน เราคุยกันเกือบทุกคืนหลังจากนั้น
เพียงแค่ในห้องแชทเท่านั้นไม่มีการติดต่อนอกเหนือไปจากนั้น
แล้ววันหนึ่ง เขาก็บอกกับฉันว่า พี่คงไม่ได้มาแชทอีกแล้ว
เจ้านายย้ายไปที่หน่วยอื่น คงยากที่จะเข้ามาแชทแบบนี้ เอาเป็นว่า
มีเรื่องไม่สบายใจอะไร ก็เมลล์คุยกับพี่ได้เสมอนะ...
ฉันทำเหมือนว่าข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอเหมือนกระจกใสสำหรับฉัน..
ฉันแสร้งมองไม่เห็นมัน..แต่ฉันจะหลอกตัวเองได้อย่างไร ในเมื่อ
หลังจากวันนั้นทุกครั้งที่ฉันเข้าไปที่นั่น
และพยายามส่ายตามองหารายชื่อเขาก่อนเสมอ
ในใจลึก ๆ หวังเพียงอยากเจอเขาในทุก ๆ ครั้ง แต่ก็ไม่เคยพบเลย....
...............
วันผ่านวัน..คืนผ่านคืน..ฉันได้งานที่หวังไว้แล้ว
และยังคงมุ่งมั่นกับงานตรงหน้า
แต่ทุกครั้งที่ว่างก็ยังอดไม่ได้ที่จะแวะเวียนไปยัง ห้องแชทแห่งนั้น
ไม่มีใครทำให้ฉันรู้สึกคิดถึงและห่วงใยได้มากเท่าเขา..
มันเป็นเพราะอะไรกัน..ฉันเฝ้าถามคำถามนี้กับตัวเอง..
ฉันอาจหลงลืมเขาไป..เมื่องานเข้ามาประดังในสมอง แต่เช้านี้
ฉันเข้ามาเช็คเมลล์เหมือนเคยเมลล์ 1 ฉบับจากคนที่ฉันไม่รู้จัก
ฉันไม่เคยติดต่อกับเมลล์แปลกหน้านี้ ฉันนิ่งมองอย่างใช้ความคิดชั่วครู่
ฉันจะลบทิ้งเหมือนเมลล์ขยะอื่น ๆ ดีไหมนะ เพราะชื่อหัวข้อก็ไม่มี
อีกทั้งเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้อาจจะส่งไวรัสมาก็ได้
แต่..ฉันก็เปลี่ยนใจที่จะเปิดอ่าน
ฉันนั่งรอให้หน้าเมลล์เปิดออกอย่างกระวนกระวายใจ
ใจลุ้นระทึกกับความหวาดหวั่นระคนสงสัย และเมื่อเมลล์เปิดออก
ข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอ สร้างรอยยิ้มและน้ำตาให้ฉันโดยไม่รู้ตัว
สวัสดีจ้ะ....(พี่ยังไม่รู้ชื่อเราเลยนะ สาวน้อยเบื่อโลก) ..
พี่ก็ยังไม่ได้บอกเราเลยนี่เนอะ พี่ชื่อก้องนะ อืม ๆ ตอนนี้พี่ย้ายที่ทำงานแล้วล่ะ
คือ เจ้านายส่งพี่เข้าไปที่บริษัทแม่น่ะ นึก ๆ ก็ดีใจนะ เผื่อเราจะเจอกันมั่งเนาะ
ตอนนี้พี่ก็สบายดี แล้วเราล่ะจ๊ะ สบายดีไม๊
ยังไงก็ส่งข่าวมาหากันบ้างนะ แล้วอย่าลืมบอกด้วยล่ะ ว่าชื่ออะไร
อ่อๆ นี่เป็นเมลล์ใหม่ของพี่จ้ะ คุย msn กันสะดวกขึ้นไง
Ps. พี่แอดเมลล์เราแล้วนะ
ก่อนที่ฉันจะลงมือตอบเมลล์ฉบับนั้น เสียงของหัวหน้าของฉันก็ดังขึ้นข้างหลัง
แป้งร่ำ นี่คุณก้องเกียรติ เป็นหัวหน้างานคนใหม่ของคุณนะ
ทำความรู้จักกันไว้สิ ต้องร่วมงานกันอีกนาน ฉันหันมอง พบชายร่างสูงโปร่ง
รอยยิ้มอบอุ่นใจนั่น...ทำให้ฉันคิดถึงใครบางคน หรือว่า.....
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น