วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2552

ใช่ ฉันอ่อนแอ


".. อย่าเอาเปรียบคนที่คุณรัก หรือคนที่คุณบอกรัก
เพราะความรักคือการให้อย่างจริงใจ แบ่งปัน 
ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ..


อย่าทำ..อย่าทำเลยนะ.. ได้โปรดเถอะ
เพราะเธอคงไม่รู้เลยว่า ใครบางคนเจ็บปวดมากแค่ไหน
กับการกระทำของเธอ... "



"เฮ้ย !! แกเขียนความเรียงประสาอะไรเนี่ย" เสียงยัยแหวนเพื่อนซี้ของฉันตะโกนขึ้น
หลังจากอ่านตัวหนังสือโย้เย้ในสมุดไดอารี่ของฉันจบ


" ก็ประสาชั้นนี่ล่ะ ไม่ได้เอาไปส่งลงตีพิมพ์สักหน่อย ทำไมต้องโวยด้วย"
ฉันตอบไปทั้งที่ไม่เงยหน้าขึ้นจากกระถางดอกไม้ที่ริมระเบียง
..วันนี้กุหลาบบานแล้ว
ฉันกำลังรู้สึกเหมือนละทิ้งห้วงอารมณ์บางขณะและมาหมกมุ่น
กับความสวยงามของธรรมชาติตรงหน้าได้แล้วแท้ ๆ เชียว


แต่ก็ต้องมีอันทำให้อารมณ์เก่า ๆ กรุ่นขึ้นมาอีกจนได้


" นี่ ๆ แต่ชั้นสงสัยว่า แกเขียนถึงใคร หา แกเขียนถึงใคร" แหวนนิ่งไปชั่วขณะ
มันทำตาโต ก่อนจะพูด .. " พี่.." ยังไม่ทันที่มันจะเอ่ยชื่อ ฉันก็จ้องหน้ามันเขม็ง


" เออ ๆ ไม่ถามก็ได้ แต่ฉันเป็นเพื่อนซี้แกนะ" เสียงอ่อยลง พลางมองฉันด้วยแววตาห่วงใย
แต่ก็คงจะรู้ตัวดีว่า พูดอะไรในเวลานี้ก็คงจะไม่มีประโยชน์


ฉันลุกขึ้นยืนเดินไปหายัยแหวน แตะมือที่ต้นแขนเบา ๆ 
"เข้าใจ ขอบใจมาก แต่ตอนนี้ฉันยังไม่อยากพูดอะไร .."



ประตูห้องถูกปิดลง เมื่อเพื่อนฉันกลับออกไป
ฉันก็พาตัวไปที่โซฟา อยากจะนอนหลับ..อยากพัก..อยากพักเหลือเกิน
อยากพักจาก ...


กริ๊งงงง ... เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น


ฉันหลับตาอย่างระอาใจ ..
แต่ก็คว้าหูโทรศัพท์มากรอกเสียงไปจนได้



...


15 นาทีต่อมา เขาก็มายืนอยู่ในห้องของฉัน
ในมือถือแฟ้มเอกสารไว้ เขายิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง
แววตาอ้อนวอน น่าสงสาร..หรือน่าสมเพชนั่น ทำให้ฉันใจอ่อนอีกตามเคย


" พี่ไม่อยากรบกวนบ่อย ๆ หรอก แต่คราวนี้มันเร่งจริงเลย
เดี๋ยวนี้เค้ารับพิมพ์กันราคาสูงด้วยเนาะ ... แล้วพี่เองก็..เอ่อ.. จนๆ ด้วยสิ"
เขาหัวเราะแหะ ๆ หลังประโยคนั้น


ฉันฝืนยิ้มให้เขา
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรื่องแค่นี้เอง จะเอาเมื่อไหร่ล่ะคะ"


"ไม่รีบหรอกจ้ะ แค่นี้ก็รบกวนมากแล้ว .. วันจันทร์น่ะครับ" เขายิ้มหวาน
แล้วก็เปลี่ยนสายตาแสนเศร้าเมื่อครู่เป็น ประกายตาที่ฉันเฝ้ากลัวมาตลอด


" ไว้ค่อยทำก็ได้เนาะ .. ตอนนี้มีเวลาว่าง ..นานๆเราจะว่างตรงกันน๊า
หาอะไรสนุก ๆ ทำกันดีกว่ามั๊ย ..?"
 เขาหัวเราะคิกคัก พลางเขยิบเข้ามาใกล้กับฉัน
มือหนาอุ่น ๆของเขาแทรกประสานกับมือของฉันอย่างจงใจ ..
"ว่าไงจ๊ะ..?  พี่ว่า เราก็เหงา ๆ อยู่ใช่ไหมล่ะครับ.."


..ใช่ ฉันเหงา และมันยิ่งเหงาขึ้นเป็นร้อยเท่า เมื่อเขาเดินก้าวเข้ามาในห้องนี้
และทำแบบนี้กับฉัน .. จะให้นับไหมว่า มันกี่ครั้งกันแล้วที่เป็นแบบนี้..


แต่ร่างกายฉันกลับทำตรงกันข้ามกับสมอง ฉันโถมตัวเข้าไปในอ้อมกอดเขา
คาดหวังเหลือเกินกับไออุ่นที่เขาน่าจะมอบให้ฉันบ้าง..
ในฐานะ .. น้องสาวคนหนึ่ง
คนที่ไม่เคยเป็นได้มากกว่า แค่นั้น และไม่เคยคาดหวังจะเป็นมากกว่านั้น
ก็แล้วทำไมฉันถึงยอมให้เรื่องบ้า ๆ พวกนั้นมันเกิดขึ้นด้วยนะ
ทำไมฉันยอมปล่อยให้เขาเป่าหูว่า 
.. สังคมในปัจจุบันมันก็เละเทะอย่างนี้แหละ
และทุกคนก็พร้อมที่จะตักตวงหาความสุขด้วยกันทั้งนั้น
และไม่ผิดเลยที่เราจะทำ.. ก็แค่หาความสุขใส่ตัว


ฉันผละจากอกเขาในฉับพลัน น้ำตานองหน้าเงยขึ้นมองเขา
ที่สีหน้าตกใจ 
" เป็นอะไรไป .. มีอะไรหรือเปล่า" เขาคิดว่าฉันคงจะมีปัญหาเรื่องอื่นมาอีกสินะ
แล้วฉันก็สวมรอยตามความคิดของเขาไป..
" เปล่าค่ะ เรื่องไร้สาระน่ะ" ฉันตอบพลางปาดน้ำตา


ทำไมกันนะ ..ทั้งที่ฉันไม่รู้สึกรักเขาเลยสักนิด
แต่ทำไมต้องยอม..ต้องยอมให้..
หรือเพราะฉันมันโง่งี่เง่าที่ไม่รู้จักคิดเอง
หรือเพราะฉันมันอ่อนไหวไปกับอารมณ์ปรารถนาของผู้ชาย
หรือเพราะฉันแคร์ความสัมพันธ์ระหว่างเรา
หรือเพราะ...หรือเพราะอะไร.. เพราะอะไรกัน..


เขานิ่งไป อารมณ์ปรารถนาจางไป .. 
" อืม ๆ ไม่เป็นไรแน่นะ " น้ำเสียงนั้นห่วงใยแท้จริงหรือเปล่านะ


"ค่ะ" ฉันยิ้มทั้งที่คราบน้ำตายังเปรอะสองข้างแก้ม


"ครับ ..งั้นพี่ไม่รบกวนแล้ว ต้องขอบคุณมากๆนะสำหรับเรื่องงาน"
เขาเอ่ยปากลา .. และจากไป


ประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้งหนึ่ง


...


เช้าวันจันทร์มาถึง ชายหนุ่มร่างสูงยืนอยู่หน้าห้องพักของสาวรุ่นน้อง
เขาเอื้อมมือไปหยิบถุงกระดาษที่แขวนไว้ที่ลูกบิดประตู 
จดหมายในซองสีฟ้ามีข้อความดังนี้


พี่คะ..


ต้องขอโทษพี่ด้วยที่ไม่ได้ส่งงานให้กับมือ
พอดีที่บ้านเรียกกลับด่วนค่ะ


อ่อ เมื่อวานหนูทำโทรศัพท์หาย ไม่มีเบอร์ติดต่อพี่แล้ว
ถ้าขาดการติดต่อไป ก็อย่าว่ากันเลยนะคะ



..น้องสาวคนหนึ่งของพี่


เขาอ่านจบ แล้วค่อย ๆ พับมันใส่ในกระเป๋าเสื้อ
และเดินจากไป..



.............



หนีอีกแล้วนะ.. นี่ล่ะ ฉัน
ถ้าไม่ตาย ก็ต้องหนี


จะให้ทำยังไง ในเมื่อการพูดออกไปตามตรงมันยากกับ
ความเปราะบางของความสัมพันธ์
แม้ว่า มันไม่เห็นจำเป็นต้องมีเลย.. ความสัมพันธ์แบบนี้



ฉันรำพึงกับตัวเองเบา ๆ พลางมองร่างสูงใหญ่ที่เดินไปตามฟุตบาท
ผ่านกระจกร้านไอศครีมอีกฝั่งของถนน..


และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นเขา..


 


 







เธอคงไม่รู้ - Ost.วิมานทราย

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น