วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2552

วูบเดียว[2](ให้เวลา)

วันนี้อากาศค่อนข้างอ้าว ..มันก็อ้าวเหมือนทุกวันนั่นล่ะ
ทั้งที่อยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่สภาพอากาศแทบจะไม่มาตามฤดูกาล
เพราะอากาศร้อน ๆ
ความหงุดหงิดจึงพุ่งเข้าสู่ร่างกายได้อย่างไม่ต้องเชื้อเชิญ




ผมก้าวเข้ามายืนสงบอยู่เบื้องหน้าตู้รับจดหมายหน้าบ้าน
เมื่อเปิดออก ในจำพวกใบปลิวและกระดาษโฆษนาทั้งหลาย
หนึ่งในนั้นมีซองสีฟ้าอ่อนอยู่ด้วย ดูเพียงแวบเดียวก็รู้ได้ว่า
เป็นจดหมายจาก ..เธอ ลายมือโย้เย้เหมือนเด็กอนุบาลหัด
เขียนอย่างนี้



ห้านาทีต่อมา ผมยืนอยู่หลังบ้าน เงยหน้ามองดวงอาทิตย์
ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า
แสงสีแดงฉายกระจายระบายบนผืนฟ้าให้เป็นสีส้มแสด
สีที่ไม่ต่างกับอารมณ์ของผมในเวลานี้
มือขวามีกระดาษแผ่นหนึ่ง
ส่วนมือซ้ายกดหมายเลขที่โทรเข้าเมื่อ 2 วันก่อน..
นี่เป็นสาเหตุที่เธอหยุดติดต่อไปหรอกหรือ



เสียงเพลงระหว่างรอรับสาย..
ท่วงทำนองตัดพ้อของคนแอบรัก..
ผมฟังท่อนเพลงสั้น ๆ นั้นอยู่พักนึง..ในสมองคิดว่า
ประเดี๋ยวเธอก็คงจะรับ .. แต่ไม่เลย
ในที่สุดเนื้อเพลงและทำนองก็จบลง
ไม่มีการตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...
ผมส่ายหน้า รู้สึกระอาใจกับความคิดของเธอ



ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เวลานี้คงไม่เหมาะที่จะตอบจดหมายกลับไป
แน่นอนที่สุด เธอเข้าใจไม่ผิดเพี้ยนถึงความรู้สึกของผม
ผมมองเธอเป็นเพื่อน เพื่อนที่ดี อาจเรียกว่าดีที่สุดก็เป็นได้
อย่างน้อยก็ในเวลาที่ผมรู้สึกไม่มีใคร
แต่มันไม่ใช่มุมมองของคนรัก
แต่สิ่งที่เธอมองผิดพลาดไปอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกโมโห
ก็คือ การมองตัวเองอย่างไร้ค่าของเธอ
เธอประเมินตัวเองต่ำ และตีค่าผม..
ซึ่งก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งดีเลิศเกินไป
มันไม่ใช่เพราะความดี หรือสิ่งสารพัดอะไรที่เธอยก
ขึ้นมากล่าวอ้าง
ถึงความเป็นไปไม่ได้ระหว่างเรา



หัวใจ ต่างหาก... คือสิ่งเดียว ที่เราคิดไม่ตรงกัน



สองชั่วโมงต่อมา ผมโทรไปหาเธออีกครั้ง..
และอีกครั้งในชั่วโมงที่ห้า หลังจากผมอ่านจดหมายของเธอ
เธอคงจะไม่รับอีกล่ะสินะ..คงจะอ้างว่าปิดเสียง
ไม่ได้ยินอีกล่ะสินะ..
แต่แล้ว เธอก็รับ
"สวัสดี"...เสียงเธอสดใสเหมือนคนเต็มอิ่มไปด้วยความสุข
แต่ในน้ำเสียงใส ๆนั่น มีความแห้งแล้งเจือปนอยู่
บทสนทนาที่ผมพยายามถามถึงข้อความที่เธอส่ง
มันผ่านจดหมายมา
ไม่ได้ทำให้เธอลดความพยายามที่จะแสร้งมีความสุขลงเลย
เสียงหัวเราะที่ขัดกับสิ่งที่ผมอ่านไปเมื่อห้าชั่วโมงที่แล้ว
ทำให้ผมต้องกดวางสายโทรศัพท์เอง...อย่างขุ่นเคืองใจ
แต่ไร้ประโยชน์กับการซักถามคนที่แกล้งลืมในเวลานี้



ให้เวลาเธอก็แล้วกันนะ...ผมบอกกับตัวเอง
อยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม
เพื่อนที่มองกันในมุมมองของเพื่อน
สิ่งที่จะหยิบยื่นให้กันคือมิตรภาพระหว่างเพื่อน..
มันคงยืนนานที่สุด..
อย่างน้อยก็ในความคิดของผม



เวลา..ก็แล้วกัน..
ให้เวลา...

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น