วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2552

โบกมือลาเธอ ที่..สุสานหอย


วันนี้จะเล่าปิดทริปทัวร์3แห่งใน2วันนะคะ
เริ่มรายการกันตั้งแต่เช้ามืด


ฉันไปปลุกเพื่อน ตอนตีห้าครึ่ง
หลังจากอาบน้ำแต่งตัว ก็ไปดูวิวมืดๆบนดาดฟ้ากันก่อน เหอๆ
(ไปงั้นล่ะ หวังว่าจะเห็นตะวันบ้าง..แต่เปล่าเลย..ไม่เห็น เพราะก่อน6โมงวันนั้นตะวันยังไม่มา)



อย่ากระนั้นเลย.. ไปที่สวนสาธารณะกันดีกว่า
สวนธารา เป็น สวนสาธารณะริมทะเล ไม่ใช่หาด แต่แถบนั้นเป็นท่าเรือ(เก่า)
ที่นั่นล่ะ ที่มีสวนสุขภาพให้ไปเดินออกกำลังกายกันได้อย่างสบายใจ


ฉันขี่มอเตอร์ไซค์ให้เพื่อนซ้อน ออกจากบ้าน 
ไปตามถนน ผ่านสถานที่ราชการและโรงเรียนหลายแห่ง
ก่อนจะเลี้ยวลงเนินไปยังสวน ธารา



เช้า ๆ รถไม่ค่อยมี อากาศดีและเย็น
พอรถไปจอดที่ศาลาริมน้ำ ฉันกับเพื่อนก็พากันตกตะลึง
กับความงดงาม ของดวงอาทิตย์ยามเช้า


อาทิตย์ขึ้นที่สวนธารา


แรก ๆ น่ะ แสงสีแดงส้มค่อยๆ โผล่พ้นหลังคาบ้านของหมู่บ้านบนเกาะกลาง
ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือและสวนธารา


แสงที่สะท้อนเงาบนผืนน้ำที่กำลังกระเพื่อมเพราะแรงขับเคลื่อนของเรือหางยาว
สะกดพวกเราไว้.. สวย.. สวยจริง ๆ


ฉันว่า นะ ดวงอาทิตย์ขึ้นที่ไหนก็สวยทั้งนั้น
แต่จะสวยมาก เมื่อเราได้มองมันในมุมที่ชัดเจนและด้วยสองตาของเรา





เรานั่งมองดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ขึ้นอยู่อย่างนั้นพักนึง
แล้วก็พากันไปเดินตลาดสด ต่อ


เข้าไปในตลาดพร้อมท้องที่ร้องโวยวาย
สรุปว่า.. กินโจ๊กกับปาท่องโก๋ กันคนละชาม ซื้อน้ำเต้าหู้เอามาฝากคนที่บ้าน


ขากลับ ซื้อปลาหมึกกลับไปด้วย เอาพริกชี้ฟ้าไปอีกขีด
อยากจะกินปลาหมึกทอดกระเทียมพริกไทย.. อืม..หรือจะผัดกระเพราดี


แซนวิชทูน่ากับชาดอกคำฝอย


แต่พอกลับมาถึงบ้าน ก็ได้กินแซนวิชทูน่าอีกคนละคู่ 
(ปลาหมึกน่ะ.. ได้กินตอนเย็น.. แง่มๆ อร่อยดี)
อิ่มท้องกันเกือบ 9 โมง 
(ก็ป้าดอนน่าบอกจะมารับตอน9โมงนี่นา)


แต่ก็ต้องรอไปอีกหน่อย เพราะเจ้าของรถติดธุระอยู่
กว่าจะออกจากบ้าน ก็ 11 โมงกว่า แดดจ้าของเที่ยงวัน
ไม่ทำให้เราย่อท้อหรอก..


ทะเล๊ทะเล



มุ่งตรงไปยัง สุสานหอย 
ลงรถปุ๊บ ฉันกับเพื่อนก็ขอไปถ่ายรูปทะเลกันก่อน มุมนี้จากด้านบนนะคะ
เป็นหน้าผาน่ะ สวยมากเลย ลมเย็นสบาย ทั้งที่เป็นเวลาเที่ยง


เห็นเกาะไก่ป่าวคะ


ก่อนจะไปดูอย่างอื่น ขอถ่ายภาพทะเลจากมุมบนก่อนล่ะกัน
มุมนี้ ถ้ามองไปไกลๆ จะเห็น เกาะไก่(ซึ่งมองจากบ้านฉันก็เห็น)



แม่กับป้าเลยบอกให้ เราสองคนไปเดินเล่นกันก่อน จะซื้อของอะไรก็ตามสบาย
ถ้าเสร็จแล้ว ให้โทรบอก


ลงไปดูสุสานหอยแบบใกล้ๆ


ฉันกับพี่จันเลยเดินไปยังจุดชมสุสานหอย
พี่จันจ่ายบัตรผ่านให้ คนละ 20 บาท
อ่อ ถ้าจ่ายบัตรนี้ สามารถเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวของกรมป่าไม้ในเขตกระบี่ได้ฟรี
(ภายในวันเดียว) นะคะ เหมือนบัตรเดียว เที่ยวทุกที่อ่ะ แต่ก็เฉพาะของกรมป่าไม้
ซึ่งเอาเข้าจริงๆแล้ว เขตการดูแลของ ป่าไม้ กับ อบต. ดันใกล้ๆกัน เหอๆ
ถ้าคิดจะเที่ยวตรงนี้ แล้วไปเที่ยวอีกที่ใกล้ๆ ในราคาบัตรเดียวล่ะก็ ไม่มีทาง.. - -"



พอจ่ายค่าบัตรแล้ว เราก็เดินลงไปตามบันไดที่ทอดยาว
ลงไปจนถึงแผ่นฟอสซิลล์หอยด้านล่าง


ยังไม่ถึง มัวแต่ชมวิว


ดอกไม้ด้านข้าง ไม่ค่อยจะสวยแล้วนะ มันเหี่ยวๆแล้วอ่ะ
แต่วิวกับบรรยากาศ ทำให้มองข้ามข้อบกพร่องอื่น ๆ ไป


สุสานหอยจ้า


ตรงนี้ล่ะค่ะ เป็นสุสานหอย
คือ ซากเปลือกหอยที่ทับถมกันจนกลายเป็นแผ่นหิน



เค้าบอกไว้ด้วยนะว่า เป็นหอยอะไร แต่ฉันลืมอ่ะ(ช่วยได้มากเล้ย)
ขนาดอายุ กี่ล้านปี ฉันยังจำไม่ได้เลย(จำอะไรได้บ้าง?)


ป้ายเค้าล่ะ

เค้ามีป้ายบอกไว้นะคะว่า ให้ช่วยกันอนุรักษ์
ถ้าจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ขอให้ถอดรองเท้า
และห้ามเดินข้ามเขตเส้นเชือก เพราะจะทำให้แผ่นฟอสซิลล์ทรุดได้


ห้ามข้ามเขตเชือกกั้น


เดินตากแดดยามเที่ยง แต่ก็ใต้ร่มเงาไม้ล่ะนะกันอีกพัก
ก็เดินขึ้นไปด้านบน ไปหาซื้อของฝากกัน
(ตรงนี้ล่ะ ที่ลืมถ่ายรูป เพราะมัวแต่ต่อราคา หุหุ)





ได้ของครบตามต้องการแล้ว
ก็เลยกลับกัน ไปร้านขายของฝาก (พวกของกิน)
กันที่ร้าน ศรีกระบี่ 
ร้านไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีของหลากหลาย



ยืนชิมน้ำพริกกันเอร็ดอร่อยไปเลยล่ะ หุหุ
ซื้อกันกลับมาคนละ 3 กระปุก 100 บาท
(อย่าถามหาภาพค่ะ พอกินแล้ว สติสตังไม่อยู่กับการเก็บภาพแล้ว กินดะ)


หน้าร้าน




พอกลับออกมา เห็นแม่กับป้าดอนน่าไปนั่งกินกาแฟอยู่ในร้านใกล้ๆ
มุมเย็นๆ (ก็ร้านเค้าติดแอร์) แต่ว่าตรงนั้นก็ร่มรื่นดีด้วยแหละ



พี่สาวกะน้องเล็ก



ได้ภาพตุ๊กตาดินเผาน่ารักๆ 
เอาไว้แต่งบ้านมาหลายอันเหมือนกัน


คู่นี้น่ารักจริงๆ


ภาพนะคะ..แค่ภาพ เพราะเค้าไม่ได้ขายอ่ะ เค้าโชว์
บอกว่า ซื้อได้ที่เกาะลันตา ตัวละร้อยกว่าบาท



หลังจากนั้นก็ไปกินส้มตำ ไก่ย่าง กันล่ะ
(ตอนนี้มือเละเทะ ไม่ได้ถ่ายรูปค่ะ หุหุ หิวจัดไง โซ้ยจนลืมไปเลย.)



กลับมาบ้าน เก็บกระเป๋าแล้วก็ไปส่งเพื่อนที่บขส. 
ตอนบ่ายสองกว่า รถมาถึงพอดี ซื้อตั๋วแล้วขึ้นรถเลย


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น