วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2552

สิ่งที่เห็น ไม่ใช่สิ่งที่เป็น (เครื่องจักรสีแดง 2)


ผมเป็นผู้ชายธรรมดา ที่ไม่ธรรมดาสำหรับตัวเอง 
ที่บอกว่าไม่ธรรมดาสำหรับตัวเองก็คือ 
ในวัยอย่างผม น่าจะมีครอบครัวหรือคนรักได้แล้ว 
แต่นิสัยขี้เกรงใจและเก็บอารมณ์จนมิดชิดของผมนี่ล่ะ 
ที่ทำให้ผมคลาดแคล้วกับคนที่ผมสนใจเรื่อยมา 


วันนี้เป็นอีกวันหนึ่ง ที่ผมต้องทำราวกับสละคนที่ผมเริ่มชอบให้กับเพื่อน
เรื่องของเรื่องคือ 
ลูกศิษย์ของผมคนหนึ่ง ..อ่อ ผมเป็นครูสอนดนตรีครับ 
ทั้งดนตรีไทยและสากลน่ะนะ แต่ผมเชี่ยวชาญดนตรี 
สากลมากกว่า โดยเฉพาะเปียโน แต่ก็ไม่เคยได้สร้างชื่อเสียงอะไรกับเค้าหรอก 
แค่รับจ้างสอน ผมก็พอใจแล้ว




ครับ เพราะผมสอนดนตรีนี่ล่ะ ลูกศิษย์ของผมคนหนึ่ง
เธอเป็นเด็กสาวครับ อายุ 17 ปี 
แม่เธอส่งให้เธอมาเรียนเปียโนกับผม เธอเป็นคนหัวไวครับ 
มาไม่กี่ครั้ง ก็จำคอร์ดหลัก ๆ ได้หมดแล้ว 
แถมไป ๆมา ๆ เธอนั่งแต่งเพลงเองได้เสียอีกด้วย 
ผมประทับใจเธอในความน่ารักหลายๆอย่าง ทั้งหน้าตา 
และอุปนิสัยที่กันเองและอ่อนโยน




แต่..สิ่งที่กั้นผมไว้จากเธอ ก็คือ วัย และ ฐานะทางสังคม 
ที่สำคัญ เธอเป็นลูกศิษย์ของผม 
ถ้าเรามีความสัมพันธ์ที่มากเกินไปกว่านั้น 
ผมคงไม่มีจรรยาบรรณของครูที่ดีเป็นแน่..ประโยคพวกนี้ 
เพื่อนผมเฝ้ากรอกหูผมตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาครับ 
มันย้ำอยู่ตลอดว่า ครูที่ดี ก็ต้องให้ความรู้เท่านั้น 
ไม่ต้องเอาใจให้ไปด้วย




ผมก็คงทำได้แค่เพียงยอมรับความจริง แต่แล้ว
วันนี้ ผมกับเพื่อนนัดกันไปดื่ม 
ก็สังสรรค์นิดหน่อยน่ะครับ เพื่อนผมมันได้เลื่อนขั้น
และเมื่อเหล้าเข้าปาก สติก็ไม่อยู่กับตัว 
เจ้าเพื่อนตัวแสบก็เลยเฉลยว่า ตอนนี้มันกับลูกศิษย์คนสวยของผมน่ะ
คบหากันอยู่ได้เกือบเดือนแล้ว 
ผมเงียบครับ ในขณะที่มือกำหมัดไว้เสียแน่น 
แต่จิตสำนึกก็ฟ้องร่ำ ๆว่า เพื่อนสำคัญกว่า




ผมเลยปล่อยมันไป แล้วจึงรีบขอตัวกลับบ้านทันที 


แท๊กซี่ที่นั่งกลับมา ก็ช่างขับรถได้เร็วทันใจดีเหลือเกิน 
กว่าที่ผมจะก้าวเข้าบ้านได้ 
ก็ปาเข้าไปเกือบตีสองแล้ว พรุ่งนี้ผมต้องไปทำงานด้วย 





แต่แล้ว ผมก็หลับตาไม่ลง ทั้งที่แต่ไหนแต่ไร 
เมื่อขาก้าวพ้นประตู ตาก็แทบหลับสนิทเสียทุกครั้งไป 
แต่นี่..ทำไมล่ะ เพราะเรื่องที่ผมรับรู้อย่างนั้นหรือ
หรือว่า เพราะผมไม่ระเบิดอารมณ์กับมัน ก็แล้วถ้าผมชกมัน 
ผมจะได้อะไรกลับมา ผู้หญิงเค้าจะสนใจผมอย่างนั้นหรือ? 
หรือเพื่อนผมจะกลับใจ ยกเธอให้ผม? แล้วความรัก 
มันบังคับกันได้ที่ไหน? หลายสิบคำถามผุดขึ้นมาในสมอง
ไม่รู้ว่ามันเพิ่มรอยหยักในนั้นให้บ้างหรือเปล่า 
แต่ที่แน่ ๆ มันทำให้หลับตาไม่ลงเลย 


ผมมองซ้ายมองขวา เมื่อคอมพิวเตอร์ตรงหน้า
เชื้อเชิญให้ผมเข้าไปนั่งลงตรงหน้า 
ความคิดที่ว่า อย่างน้อย เช็คเมลล์ก็ดีกว่า นอนไม่หลับ 
ตาค้างแบบนี้ จะให้ดูบอล ก็คงจะไม่ต้องหลับ ไปจนเช้าก็ได้ 


ผมออนเอ็มเอสเอ็นครับ ง่ายต่อการเช็คเมลล์ ก็อย่างที่ใครหลายคนชอบทำกัน 
แต่แล้ว เวลาแบบนี้ ตีสองกว่า ๆ กลับมีคนออนไลน์อยู่ 1 คน 
ตั้งชื่อก็แปลก ๆ ซะด้วย ผมมอง 
เมลล์นั้นอย่างชั่งใจอยู่ชั่วครู่ ..อืม..น่าจะเป็นผู้หญิงนะ
เพราะดูจากชื่อที่ใช้ และยังมีรูปดอกไม้ที่หน้าและ หลังชื่อด้วย 


ในเมื่อ ผมก็ยังไม่ง่วง และเธอก็คงไม่น่าจะยุ่งมาก (ถึงแม้จะตั้ง " ยุ่ง ") ไว้ก็ตามที 
ผมจะเข้าข้างตัวเองบ้าง มันผิดหรือไง 


เธอใช้ชื่อว่า " สิ่งที่เห็น ไม่ใช่สิ่งที่เป็น" 


ผมยอมรับนะ ว่าผมจำไม่ได้ว่า ผมทักทายไปแล้วพูดคุยอะไรกับเธอบ้าง 
แต่ดูจากการสนทนา ที่ผมถามสามคำ เธอตอบหนึ่งคำ 
ผมเดาว่า เธอคงเป็นคนสวย อ้าว...ไม่จริงเหรอครับ คนสวยมักหยิ่ง 
พวกเธอคิดว่าสวย แล้วจะเลือกหรือวางตัวหยิ่งยังไงก็ได้ 


ในตอนแรก ผมไม่คิดว่าเธอจะสนใจคุยกับผมเท่าไหร่นะ 
เพราะเธอตอบสั้นมาก แถมใช้เวลานาน 
กว่าจะตอบได้แต่ล่ะคำถาม แต่สิ่งที่ผมรู้ว่าเธอเริ่มให้ความสนใจกับ 
การสนทนาระหว่างเรา ก็คือ 
เมื่อเธอเผลออวดฉลาด ถามคำถามที่เร็วไปนิด แต่ก็เป็นไปได้ครับ 
อย่างน้อย การสนทนาระหว่างเรา 
ก็เริ่มมีอะไรที่ดูจะไปในทางที่ดีขึ้น...เธออวดฉลาดยังไงน่ะเหรอ 
ก็เมื่อผมบอกว่า ผมทำงานเกี่ยวกับดนตรี 
เธอก็ยิงคำถามมาทันที แต่มันออกจะเป็นตัวเลือกเสียมากกว่า...
แย่หน่อย ที่เป็นตัวเลือกที่ผมไม่ได้ทำ 


สิ่งที่เห็น ไม่ใช่สิ่งที่เป็น : เล่นดนตรีหรือขายเครื่องดนตรีคะ 
เครื่องจักรสีแดง : สอนดนตรีครับ ก็มีบ้างครับ ที่จะเล่นดนตรี 


เธอเงียบไปพักนึงครับ ก็ไม่รู้ว่า จะเข้าอาการเดิมหรือเปล่า 
แต่แล้วเธอก็พิมพ์กลับมา 
เป็นประโยคที่มันแทงใจผมเสียเหลือเกิน 


สิ่งที่เห็น ไม่ใช่สิ่งที่เป็น : อืม...สอนดนตรี คงเป็นคนใจเย็น 
เครื่องจักรสีแดง : ก็ไม่หรอกครับ เรื่องของอารมณ์ก็ต้องควบคุมกันทั้งนั้น 
เครื่องจักรสีแดง : ผมก็มีเวลาของใจร้อนเหมือนกันครับ แต่ก็ต้องรู้จักกาลละเทศะด้วย 



เธอเงียบไปอีก ผมได้แต่เฝ้ามอง ใจนึงเริ่มรำคาญ การโต้ตอบที่เชื่องช้า
แต่ก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ คงมีอะไรมากกว่าที่คิด




สิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่เป็น : การควบคุมจิตใจมันก็ดีอยู่หรอกนะคะ
แต่ไม่คิดหรือว่า บางครั้ง ลูกโป่ง
ที่พองลมจนเกินไป เมื่อระเบิด ก็สร้างความเสียหายได้

เครื่องจักรสีแดง : ครับ แต่การแสดงออกถึงอารมณ์ทุกครั้งที่เรารู้สึก 
คงไม่ดีกับจิตใจเราเท่าไหร่ เหมือนไฟยิ่งลุก ก็ยิ่งโหมลม ไฟคงไม่สามารถดับลงได้
แต่ถ้าเราอยู่นิ่ง ๆไฟก็จะค่อยๆ ดับลงไปได้เองนะครับ 

สิ่งที่เห็น ไม่ใช่สิ่งที่เป็น : ค่ะ ก็มองต่างมุมนะ 

เครื่องจักรสีแดง : ครับ แต่ผมก็ยังคิดว่า การควบคุมอารมณ์ความรู้สึก 
ต่างกับการกักเก็บอารมณ์ไว้แล้วรอวันที่มันจะระเบิด มันต่างกันครับ 


เธอเงียบไปอีกครั้ง..จะครั้งที่เท่าไหร่ผมก็จำไม่ได้
อาจเพราะวิญญาณความเป็นครูในตัว 
ของผมออกมาแสดงตัวก็เป็นได้ ผมจึงรู้สึกง่วงขึ้นมา...
มันก็น่าแปลกดี เมื่อผมเห็นว่าเธอไม่ตอบอะไรง่าย 
ผมจึงเอ่ยลา พรุ่งนี้ผมต้องไปทำงานอีก จะให้นั่งแชทอยู่ได้ยังไง 

ส่วนเธอ ก็คงจะออนไลน์ต่อไปล่ะมั๊ง เพราะเห็นว่า 
กำลังทำงานไปด้วย ผมบอกกับเธอไป 
ว่า ผมรู้สึกดีใจที่ได้รู้จักกับเธอ ซึ่งเธอก็ตอบกลับมาเหมือนกัน 
ผมน่ะคิดแบบนั้นจริง ๆ ส่วนเธอจะตอบ 
เพราะมรรยาทหรือเปล่า ก็สุดจะเข้าใจ..




ผมหมายถึง ผู้หญิงเข้าใจได้ยากน่ะ 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น