วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2552

ถ้าเราไม่เจอกัน..แล้วเธอจะลืมฉันมั๊ย


ifour.jpg



ถ้าเราไม่เจอกัน..แล้วเธอจะลืมฉันมั๊ย
...................................................................................



ในมุมหนึ่งของสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 
แสงอาทิตย์สีส้มทอดเงาลงมาบนผืนน้ำกว้างที่เต็มไปด้วย
เรือน้อยใหญ่สัญจรกันขวักไขว่ 
แต่คงไม่สามารถเทียบได้กับรถราที่ผ่านไปผ่านมาบนสะพานแห่งนี้...


หญิงชายคู่หนี่งกำลังยืนมองภาพสายน้ำและ
ดวงอาทิตย์พร้อมกับสนทนา



อะไรนะ เธอบอกว่าอะไรนะ 
หญิงสาวหันมองหน้าเพื่อนชาย เธอถามด้วยน้ำเสียงที่แทบจะตะโกน
ใส่หูเขา สีหน้าเหมือนเจอเรื่องที่ไม่คาดคิดมา..



ต่างกับชายหนุ่ม เขาหันมองเธอที มองไปยังพื้นน้ำเบื้องล่างที 
อีกทั้งยังเช็ดเหงื่อบนหน้าผากด้วยข้อมืออุตลุดก่อนจะตอบเธอ



เราบอกว่า เราชอบป่าน เขาหลุบตาลง เลี่ยงที่จะสบตา 
หญิงสาวนิ่งไปครู่ ก่อนจะหัวเราะออกมา 
เหรอ แล้วไง นายมาบอกเราทำไม จะให้เป็นแม่สื่อแม่
ชักให้นายกับน้องเรางั้นเหรอ 
เอ่อ.. ชายหนุ่มเงยมองพลางก้มหัวหลายๆครั้ง
อือ.. เสียงที่ไม่เต็มคำนัก แต่ก็สะท้อนความรู้สึกออกมาได้..


ไหม มองหน้าเขาแล้วหัวเราะอีกครั้ง
คราวนี้เสียงหัวเราะของเธอช่วยดึงชายหนุ่มจาก
ความกังวลขึ้นมาอีกทั้งยังให้กำลังใจเขาด้วย

แหม มาแอบชอบน้องสาวเราตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย 
อืม..ถ้าจะให้เป็นแม่สื่อน่ะ คงไม่เป็นหรอกนะ 
เธอเหลือบมองสีหน้าชายหนุ่มที่ซีดลงไปถนัดตา 
แต่ ..แต่ว่า ให้เชียร์น่ะได้ แบบจะกรอกหูทุกวันว่านายน่าสนใจ
ทั้งที่จริง.... หญิงสาวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงล้อเลียน 
ทั้งที่จริงอะไร..? นัทย้อนถามเสียงขุ่น
ไม่มีอะไรหรอกน่า เอางี้ ไว้เราบอกยัยป่านให้แล้วกัน .. 
อือ..ขอบใจนะ..
ไม่ต้องขอบใจหรอก เพื่อนกัน..



...........................




ในห้องนอนสีเทาขุ่น ไหมนั่งจุ้มปุ๊กอยู่หน้าเตียง 
เธอพูดเกริ่น ๆเรื่องของนายนัทกับป่านไปแล้ว
ดูทีท่าน้องสาวของเธอก็สนใจเพื่อนของเธอคนนี้ไม่น้อย 
อะไรต่ออะไรคงจะเป็นไปตามที่นัทคาดหวังไว้
ล่ะมั๊ง.. หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นไปที่โต๊ะทำงาน .. 
งานต้องส่งอาทิตย์หน้าแล้ว งานออกแบบผลิตภัณฑ์
ที่อาจารย์สั่งไว้...ตอนนี้เธอไม่มีกระใจจะอยากทำอะไรเลย 
ทั้งที่คราวแรกมาดมั่นจะเอา เอ จากงานชิ้นนี้ให้ได้
แต่แล้วทำไมเมื่อนายนัท เพื่อนซี้ของเธอชวนไปเดินเล่นก่อนกลับบ้าน 
..และสิ่งที่เธอรับรู้มา 
กลับทำให้ใจคอห่อเหี่ยวหมดสิ้นแรงบันดาลใจได้ถึงเพียงนี้..



ไหมทิ้งงานไว้บนโต๊ะอยู่อย่างนั้น 
ผู้หญิงอย่างเธอจะไม่ยอมให้ความรู้สึกใกล้ชิดแปรเปลี่ยนเป็นความ
อ่อนไหวอย่างเด็ดขาด..แต่ในเวลานี้ขอพักสงบจิตใจก่อน..
อาจหาหนทางที่เหมาะกับตัวเองได้ในที่สุด



แต่เมื่อกลิ่นและรสของแอลกอฮอล์กระทบประสาทรับรส
หญิงสาวก็ต้องสำลักออกมา
อะไรฮึ แค่เหล้าแก้วเดียว ยังดื่มไม่ได้ 
แล้วจะลืมคนที่แอบชอบมาตั้ง 4 ปีได้...ยังไง..
หญิงสาวก้มหน้าลงกับพื้นโต๊ะ..เธอทอดถอนหายใจอย่างอ่อนแรง..
เปลือกตาปิดลง..ปิดเพื่อหวังจะลืมเรื่องราว ลืมความผูกพันธ์


ทว่า สิ่งที่ยังคงติดอยู่ในความทรงจำ...ครั้งแรกที่เจอกัน
วันรับน้องเขาเป็นคนขี้อาย ทั้งที่เป็นผู้ชาย 
เธอเองกลับต้องเป็นฝ่ายแนะนำตัวก่อนด้วยความเป็น
คนต่างจังหวัดเหมือนกัน การต้องอยู่ห่างบ้าน 
ความเหงาจึงแสวงหาสิ่งทดแทน...นั่นก็คือ " เพื่อน "



ไหมเองก็บอกไม่ได้ว่า เธอชอบนัทมากเกินกว่าเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่การที่เธอและเขาไปไหนต่อไหนด้วยกันบ่อย ๆจนเหมือนคู่รัก
และการที่เธอและเขาชื่นชอบอะไรหลายอย่างคล้ายคลึงกัน
เขาและเธอชอบดูการแข่งขันฟุตบอลเหมือนกัน
เขาชอบเล่นกีต้าร์ในขณะที่เธอชอบร้องเพลง 
เขาชอบออกกำลังกายด้วยการเดินไกลและเล่นบาส
ส่วนเธอชอบการวิ่งและเล่นบาสเช่นเดียวกัน



หรือเพราะการมีพฤติกรรมในการชื่นชอบหลายสิ่งที่เหมือนกัน
ทั้งสองจึงกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน 
ตลอดระยะเวลา เกือบ 4 ปีในรั้วมหาวิทยาลัย
ทั้งคู่แทบจะไม่แยกกันไปไหนเลย
ถ้าเห็นนัทที่ไหน ที่นั่นต้องมีไหม 
ชายหนุ่มยอมเดินร้านเสื้อผ้าผู้หญิง 
เพื่อให้ไหมได้เลือกและต่อรองราคาอย่างอดทน
และก็เป็นที่รู้กัน ไหมเป็นพวกไม่ยอมใคร 
ครั้นหมายไว้แล้วว่า ของชิ้นนี้ต้องต่อให้ได้
ถึงราคาที่เธอต้องการ เธอก็จะยืนทนต่อรองอยู่เช่นนั้น


บางครั้ง หญิงสาวก็อดสงสาร
เพื่อนชายไม่ได้ ดูเขาอึดอัดกับพฤติกรรมของเธอ 
อย่างเช่นครั้งหนึ่ง เธอตั้งใจจะซื้อรองเท้า
ผ้าใบ ด้วยราคา 700 และเธอจะไม่ยอมจ่ายเกินกว่านี้แน่ 
แม้ว่า เป็นคนอื่น ถึงพันกว่าเขาก็ยอมจ่าย
กันก็ตามที แต่นั่นไม่ใช่ไหม เธอเฝ้าอ้อนวอนต่อรองราคากับเจ้าของร้าน 
กระทั่งได้ในราคา 800
แล้วก็ตาม แต่มันก็แพงเกินกว่าที่เธอคาดไว้ 
..เวลาผ่านไปนานเหลือเกิน เจ้าของร้านก็ยังคง
ใจแข็งไม่ยอมลดลงไปกว่านั้นแล้ว


จู่ๆ นัทก็เอ่ยปากขอให้เธอไปซื้อน้ำให้เขา ส่วนราคารองเท้า
เดี๋ยวเขาจะเป็นคนต่อให้เอง เมื่อไหมเดินพ้นมุมร้าน 
นัทก็หยิบเงินออกมาจ่ายตามจำนวนที่
เจ้าของร้านลดลงได้เต็มที่..แล้วจึงหยิบถุงรองเท้า 
เดินออกมาส่งให้หญิงสาวที่ร้านขายน้ำ
ก่อนจะบอกว่า 
" เค้าลดให้แล้วล่ะ เราพูดคำเดียวเค้าก็ลดให้เลย กลับกันเถอะ " 
ชายหนุ่มไม่รอคำตอบ
เขาจูงมือเธอที่ในมือมีถุงรองเท้าคู่นั้นอยู่ ....



ไหมก้มลงมองรองเท้าคู่พิเศษนั้นในกล่อง 
เธอไม่กล้าหยิบมันมาใส่..เธอไม่รู้สาเหตุอะไร
นอกจาก..เขาเป็นคนจ่ายส่วนที่เจ้าของไม่ลดนั้นให้เธอ 
มิใช่เพราะเขารำคาญเธอ
แต่เพราะ..เพราะอะไรกัน..ไหมเฝ้าถามตัวเองอยู่อย่างนั้น



........................
เวลาผ่านไป 3 ปี ไหมทำงานออกแบบผลิตภัณฑ์
ตามที่เรียนมาเธอเกือบหลงลืมเพื่อนคนนั้นไปแล้ว 
..เพราะการให้เวลากับงานจนหมดสิ้น
เพราะการทุ่มเทเวลาเช่นนี้เอง ไหมจึงเลื่อนขั้น
ขึ้นเงินเดือนได้รวดเร็วนัก
เวลา..เช้าเข้างาน..งาน..และงาน..จนค่ำมืด กลับถึงบ้าน 
เธอก็ปล่อยให้ตัวจมอยู่กับความอ่อนล้า.. 
เธอแยกมาพักห้องเช่าเล็ก ๆคนเดียว ปล่อยให้น้องสาว
กับครอบครัวของเธอที่พากันอพยพเข้ามาในเมืองหลวง
ได้ใช้ชีวิตกันในบ้านทาวน์เฮ้าส์สองชั้นหลังย่อม 
ที่ตัวเธอเองเป็นคนส่งเงินผ่อนทุกเดือน



ไม่เคยมีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงของการแยกตัวมา
อยู่คนเดียวเลยแม้แต่น้อย
เธอบอกกับแม่ว่า ..ใกล้ที่ทำงาน 
ทั้งที่จริง เธอต้องรีบออกจากบ้านแต่เช้ามืด
เพื่อให้ไปทันงานเข้า ร่างกายที่เจอสภาพการโหมงานหนัก 
ขาดการพักผ่อนและขาดการออกกำลังกาย...นานวันเข้า 
ร่างกายของไหมก็ซูบผอม ใบหน้าอิดโรย
อยู่ตลอดเวลา..



ช่างตรงกันข้ามกับ นัท.. ชายหนุ่มทำงานสาขา
เดียวกันกับเธอแต่คนล่ะบริษัท นัทไม่ก้าวหน้าเร็วนัก 
เพราะเขาแบ่งเวลาอย่างเหมาะสม
ชีวิตที่พร้อมไปด้วยความสุข ตั้งแต่เขาคบกับป่าน 
ชายหนุ่มไม่เคยพบ
คำว่าผิดหวังเลย หากแต่เขายังรู้สึกอยู่เสมอว่า 
มีบางสิ่งขาดหายไปจากชีวิตเขา



อีกเพียงสองเดือน ก็จะถึงวันวิวาห์ของนัทและป่านแล้ว
เขาส่งการ์ดเชิญให้กับเพื่อนทุกคน แต่มีเพียง 1 ใบ 
ที่เขายังไม่ได้ไปให้นั่นก็คือ ..ไหม


ทั้งที่เธอเป็นพี่สาวของว่าที่เจ้าสาวของเขา
แต่ทำไมกันการพูดคุยและพบหน้า ถึงได้ยากเย็นกว่าเดิมนัก
ไม่ว่านัทจะติดต่อไป
อย่างไร หญิงสาวก็ไม่เคยว่างเลยสักครั้ง
ดูเธอเย็นชา..และไม่ใส่ใจความรู้สึกเขาเลย
ครั้นจะฝากให้เป็นธุระของป่าน
เธอก็ให้คำตอบว่า เขาและไหมเป็นเพื่อนกัน
อีกทั้งไหมเป็นคนแนะนำเขากับป่าน 
ให้เขาเป็นคนเชิญไหมด้วยตัวเองจะดีกว่า
ก็แล้วไหมเองที่เป็นคนหลบเลี่ยงเขาตลอดเวลา
แบบนี้จะให้เขาทำอย่างไรได้...



..........
ในที่สุด คืนวันแต่งงานก็มาถึง 
ป่านสวยเด่นในชุดเจ้าสาวสีขาวเคียงข้างกับนัท
คู่บ่าวสาวได้รับคำชมจากแขกทุกคนว่า 
สวยหล่อเหมาะสมกันดี


ในขณะที่ เจ้าบ่าวและเจ้าสาวกำลังยืนต้อนรับแขก
ที่หน้างานอยู่นั้น
ไหมก็เดินเข้ามาที่ทั้งสองคน 
หญิงสาวผอมบางยิ้มให้คนทั้งคู่อย่างจริงใจ
เธอเข้ามาสวมกอดป่านอย่างรักใคร่ พลางเอ่ยอวยพร 
" มีความสุขมากๆนะป่าน" ไหมเอ่ยกับน้องสาว 
ดวงตารื้นจ้องมองใบหน้าสวย
ที่แต่งแต้มสีสันไว้อย่างสวยงาม แต่ก่อนที่หยดน้ำจะร่วงหล่น
เธอก็ปาดมันทิ้งเสีย พลางเงยหน้ามองน้องสาวด้วยรอยยิ้มที่ยินดี
ก่อนจะหันไปหาเจ้าบ่าว ผู้เป็นเพื่อนรักของเธอ..
" ฝากป่านด้วยนะนัท .." เธอหมายจะพูดบางสิ่ง
แต่ก็เปลี่ยนใจที่จะพูด



นัทจ้องมองไหมอย่างเป็นห่วง เขาเห็นสีหน้าเธอดูซีดเซียว
แม้ว่าจะพยายามซ่อนไว้ภายใต้เครื่องสำอางสักเท่าใด
แต่ดวงตาที่แห้งแล้งและเศร้าสร้อยนั้น ..มันไม่ใช่...ไหม
เพื่อนรักของเขาเลยแม้แต่น้อย 
ชายหนุ่มหันกลับไปไหว้ต้อนรับแขกที่กำลังทยอย
เข้ามาในงาน แต่ก็อดปรายตามองแผ่นหลังบางใต้ผ้าเนื้อเบาสีครีม
ที่กำลังเดินช้า ๆ เข้าไปในงานไม่ได้ 
ชายหนุ่มคงเผลอมองไหมมากไป เมื่อเขาหันมาที่เจ้าสาว
จึงได้พบป่านทำตาเขียวใส่ 
แต่ก็เปลี่ยนเป็นประกายตาแห่งความยินดีอีกครั้ง
เมื่อต้องต้อนรับแขกที่เข้ามาชุดใหม่
นัทหันมองไหมอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่เห็นเธอ
เธอหายไปไหนกันนะ..ชายหนุ่มถามตัวเองอย่างสงสัย
" ป่านครับ พี่ขอตัวแป๊บนะ ..ไปห้องน้ำน่ะ" 
เขาขยายความเมื่อเห็นคิ้วโก่งงาม เลิกสูงแทนคำถาม



แต่แล้ว เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นจากภายในงาน 
คนเป็นลม ๆ...หลีกทางหน่อยค่ะ เสียงแขกคนหนึ่งดังขึ้น 
ท่ามกลางเสียงอึกกะทึก
ของเครื่องเสียงที่บรรเลงเพลงหวานซึ้ง และเสียงแขกเหรื่อที่มุงดู 
บ้างอยากช่วย บ้างอยากรู้ว่าใครกันที่เป็นลมล้มพับในงานแต่ง



นัทหันมองตามทิศทางเสียง เพียงแวบเดียวเห็น ชายผ้าบางสีครีมที่พื้นพรม
เขาก็ผละจากเจ้าสาวทันที ชายหนุ่มไม่รอคำพูดใด ๆจากเจ้าสาว
เขาตรงไป อุ้มหญิงสาวร่างผอมบาง
ใบหน้าซีดเผือดราวไม่มีเลือดสักหยดในตัวเธอ
และวิ่งออกจากงานไป...ทิ้งไว้เพียงเจ้าสาวแสนสวยและแขกเหรื่อ
ที่ยืนมองอย่างตกตะลึง



.......



3 เดือนผ่านไป ภายในห้องพักบนคอนโดมิเนียมย่าน ชานเมือง 
บนระเบียงสีขาวหันหน้าไปยังท้องทุ่ง
แลเห็นไร่สวนและสายน้ำไหลผ่าน


หญิงสาวเจ้าของห้องพักยืนเหม่อมองออกไปไกล
บนใบหน้าสวยมีหยาดน้ำตาไหลริน เธอทอดถอนหายใจเฮือกใหญ่
ก่อนจะหันขวับ เมื่อเสียงเปิดประตูดังขึ้น 
เธอสาวเท้าเข้าไปหาคนเปิดประตูทันทีที่เขาวางรองเท้าเสร็จ


พี่นัท ป่านว่าเราต้องคุยกันอย่างจริงจังแล้วนะคะ 
นัทเงยหน้ามองภรรยาสาว เขาส่ายศีรษะแทนคำตอบ
แล้วจึงเดินเลี่ยงไปยังห้องครัว เขาเปิดตู้เย็น
หยิบขวดน้ำออกมาเปิดดื่ม ท่ามกลางสายตาของที่ปวดร้าวของป่าน 
หญิงสาวมองเขาผ่านม่านน้ำตา


พี่นัท.. น้ำเสียงแหบพร่าเพราะอารมณ์ที่ตึงเครียด 
ป่านขอร้องนะคะ นี่มัน 3 เดือนมาแล้วนะ
ที่เราอยู่กันแบบนี้ ป่านถามพี่ก็ไม่พูด พี่ไม่เคยเล่า 
ไม่เคยบอกเหตุผลอะไรกับป่านเลยนะ.. เสียงขาด
หายไป เมื่อแลเห็นสายตาเย็นชาของสามี


นัทวางขวดน้ำลงบนโต๊ะ เขาเดินไปนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ 
ทำราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ป่านมองภาพนั้นอย่างเจ็บปวด เธอสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ 
ก่อนจะเดินไปยืนต่อหน้าเขา
สายตาคู่สวยจ้องมองสามีอย่างจริงจัง 
แค่คำตอบ..คำตอบง่ายๆ..ทำไมเขาถึงเลี่ยงที่จะตอบมัน
ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา


พี่นัท..ป่านรู้สึกแย่นะคะ ที่เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น 
ดูสิ..งานแต่งงานป่าน เจ้าบ่าวของป่านอุ้มพี่สาวป่านไป
โรงพยาบาล ป่านตอบคำถามแขกเหรื่อ..ญาติพี่น้องไม่ได้สักคน 
มันเจ็บปวดนะคะ ที่ไม่มีใครเข้าใจป่านเลย
ทุกคนมีแต่คำถาม ซึ่งป่านก็ไม่สามารถตอบเค้าได้ 
ทั้งที่คนที่จะต้องตอบจริงๆ คือพี่นัท..


ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างหมดใจ เขามองไม่เห็นความน่ารักของ
ภรรยาเสียแล้วหรือ...
ป่านลืมไปด้วยสินะ ว่าพี่สาวของป่านก็สิ้นใจวันเดียวกันนั้นด้วย..
นั่นสิคะ ก็เพราะอย่างนี้ไง ป่านถึงอยากรู้ว่า 
พี่คุยอะไรกับพี่ไหมครั้งสุดท้าย ..แค่นี้เอง
ที่ป่านเฝ้าถามพี่มาตลอด ป่านไม่ได้เรียกร้องอะไรเลยนะ 
แค่อยากรู้ แค่สงสัย...ในฐานะ..ภรรยา..
มันผิดหรือคะ.. หล่อนปล่อยโฮ เมื่อพูดจบ 
สองมือยกปาดน้ำตาว้าวุ่น แต่ในหัวใจนั้นสับสนเสียยิ่งกว่า



ชายหนุ่มปล่อยให้คำถามนี้ล่องลอยอย่างไร้คำตอบมาเนิ่นนาน..
ดูเหมือนมันไม่สลักสำคัญสำหรับเขาเลย
หรืออีกแง่ มันคงสำคัญมาก เขาจึงปิดปากเงียบมา 
ตั้งแต่วันที่เขาอุ้มไหมจากไป ทิ้งเธอไว้กับแขกในงาน
พิธีแต่งเกือบล่มกลางคัน เผอิญเขากลับมาในครึ่งชั่วโมง ..
กลับมาสานงานต่อพร้อมข่าวร้ายที่ว่า ไหมเสียชีวิต
แล้วที่โรงพยาบาลด้วยโรคลูคิเมีย 
โรคประจำตัวของเธอที่ผนวกกับสุขภาพที่เสื่อมโทรมจนถึงขีดสุด 
นับจากวันนั้น เขาก็ไม่เคยเอ่ยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วง 
ครึ่งชั่วโมงนั้นกับใครเลย ..ปล่อยให้เวลาผ่านล่วงเลย


มาจนวันนี้ ชายหนุ่มทำราวกับภรรยาเขาไร้หัวใจ 
เขาไม่เคยรู้เลยหรือไร ว่าหญิงสาวต้องจมอยู่กับคำถาม
และความสับสนมากมายสักเพียงไหน



แต่แล้ว เหมือนท้องฟ้าในวันที่มืดมัวของป่านกำลังจะสดใสขึ้น 
เมื่อนัทพูดขึ้น
ป่านอยากรู้จริงๆเหรอ ว่า ไหมเค้าพูดอะไรกับพี่ 
อยากสิคะ พี่ไหมพูดอะไร แล้วทำไมพี่ต้องพาพี่ไหมไปเอง
คนอื่นก็มี แต่ทำไมต้องพี่..
ชายหนุ่มถอนหายใจ 
เหตุผลที่พี่ต้องพาเค้าไปเองนั้น พี่ตอบไม่ได้หรอกนะป่าน 
แต่ไหมน่ะ เค้าถามพี่ว่า..
ว่าอะไรคะ
ว่า...ถ้าเราไม่เจอกัน แล้วเธอจะลืมฉันไม๊.... เท่านี้ล่ะ..
อะไรนะ แค่นี้เองเหรอคะ ป่านถามเสียงสูง..
นี่หล่อนรอคำตอบเขามาตลอด เพียงเพื่อ
ประโยคสั้นๆ เพียงเท่านี้เองหรือ
อืม เท่านั้นล่ะ นัทตอบรับ เขาผุดลุกขึ้น 
เคลียร์แล้วนะ พี่จะไปอาบน้ำ 
เดี๋ยวสิคะ.. ป่านเรียกเขาน้ำเสียงเย็นเยือก... 
แล้วพี่นัทตอบว่ายังไง
นัทเปิดยิ้มเยาะ เขาเอ่ยตอบมาโดยไม่หันหลังมองภรรยา
พี่จะตอบว่ายังไง คนที่พี่บอกเขาก็รับรู้ไปแล้ว ...
เขาเดินจากไป โดยไม่ฟังคำใดจากป่านเลย
หญิงสาวจ้องแผ่นหลังสามีที่เดินหายเข้าห้องไป 
ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา 
ริมฝีปากงามเอ่ยคำหนึ่ง
ถ้าเราไม่เจอกัน แล้วเธอจะลืมฉันมั๊ย... 
หล่อนพร่ำพูดถ้อยคำนี้อยู่นาน..
ท่ามกลางแสงตะวันที่กำลังลาลับขอบฟ้า



 


 


............ อาทิมา..............

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น