วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2552

ปีกหัก


ปีกหัก..





"แม่จ๋า.. หนูอยากจะไปบนโน้นจังเลย..
แม่จ๋า..บนโน้นเรียกว่าอะไรจ๊ะ" .. เสียงเจ้านกน้อยเอ่ยถามแม่นก 
ก่อนที่หนอนตัวโตจะถูกป้อนจากปากของแม่เข้าปากของมัน



แม่นกมองเจ้าลูกนกที่กำลังกลืนหนอนลงไปอย่างหิวโหย
พลางเงยหน้ามอง ..ดวงตะวัน ก่อนจะตอบ



" บนโน้น เรียก ดวงอาทิตย์จ้ะ มันร้อนมากเลยนะลูก
ถ้าหนูบินเก่ง ๆ แล้ว ก็จะบินขึ้นไปสูง ๆ ได้ลูก 
แต่จะไปให้ถึงดวงอาทิตย์นั้น.. คงจะเป็นไปไม่ได้หรอกจ้ะ
เพราะดวงอาทิตย์ร้อนมาก.. เราเข้าใกล้ได้..ก็คงจะถูกเผาเสียก่อน"



เจ้านกน้อยทำตาแป๋ว.. มันไม่เข้าใจคำว่า ร้อนมาก และการถูกเผา
มันเห็นวัตถุทรงกลม ๆ สีส้มเหลืองบนท้องฟ้าสีฟ้าทุก ๆ วัน
เห็นตั้งแต่เจ้าสิ่งที่แม่บอกว่า ดวงอาทิตย์ ค่อยๆ โผล่จากด้านหนึ่งของภูเขา .. 
แล้วรอบ ๆ ตัวของมันก็เริ่มสว่าง
ด้วยแสงของดวงอาทิตย์นั้น..
กระทั่ง ดวงอาทิตย์ หล่นหายไปที่อีกฝั่งของภูเขา.. 
มันมองวัฏจักรนี้มาหลายวันแล้ว..
และอยากรู้นักว่า ถ้ามันขึ้นไปอยู่บนโน้น..บนดวงอาทิตย์โน่น
มันจะไปยังอีกฝั่งของภูเขาในตอนค่ำ
และกลับมาจากอีกด้านหนึ่งของภูเขาในตอนเช้า..
เช่นเดียวกันกับดวงอาทิตย์หรือไม่



...



ในเช้าที่อากาศแจ่มใส
แสงแดดอ่อน ๆ อาบไล้ขนที่ยังคงฟู ๆ ของเจ้านกน้อย ..
ที่กำลังหัดบินอยู่บนกิ่งไม้กับแม่
สองขาเยื้องย่างอย่างประหม่า.. อาจเพราะความกลัวปะปนกับความตื่นเต้น
ที่จะได้โผปีกออกไป
อย่างที่ใจมันคาดหวังว่าจะบินได้อย่างพ่อและแม่



เมื่อสองปีกเล็ก เริ่มยกขึ้น..และลดลง.. อย่างช้า ๆ
และค่อยๆทวีความเร็วขึ้น
ตัวของมันก็ลอยได้อย่างไม่น่าเชื่อ
แต่ทว่า.. เมื่อดวงตาคู่น้อยกวาดลงไปอย่างพื้นดินเบื้องล่าง.
ความกลัวก็ทำให้ปีกของมันหยุดกระพือ..




ก่อนที่ร่างนกน้อยจะร่วงลงสู่ผืนดิน.. ปีกคู่เล็กของมันก็กระพือขึ้นอีกครั้ง
และเจ้านกน้อยก็ทยานขึ้นอีกครั้ง..
และเริ่มบิน..บิน..ไปรอบ ๆต้นไม้ใหญ่ บ้านของมันเอง



"แม่จ๋า.. แม่จ๋า.. หนูบินได้แล้ว .. หนูบินได้แล้วจ้าแม่" เจ้านกน้อยส่งเสียงเริงร่า



"เก่งมากลูก... ลูกต้องหัดบินทุกวันนะ ทุก ๆ วัน และลูกจะบินได้เหมือนกับแม่" 
แม่นกมองลูกน้อยอย่างภาคภูมิใจ


"จ้ะแม่.." เจ้าลูกนกรับคำ พลางบินอย่างสนุกสนาน 
ความหวังในหัวใจของมันมีโอกาสเป็นจริงเข้าทุกขณะแล้ว..



....



สัปดาห์ต่อมา.. เจ้าลูกนกบินได้คล่องแคล่วขึ้นแล้ว
แต่พ่อแม่ของมัน ก็ยังอยากจะให้มันอยู่ในรังไปก่อน



เพราะขนฟู ๆ ของมัน และปีกที่เล็กบาง ยังไม่ช่วยในการทรงตัวที่ดีนัก
แต่.. แม่นกอาจจะไม่ทันสังเกตว่า ..
เจ้าลูกนกมีขนปีกสีขาวที่เริ่มยาวกว่าพี่น้องของมัน



เมื่อพ่อกับแม่นกบินออกจากรัง .. เจ้าลูกนกผู้ใฝ่ฝันจะบินไปให้ถึงดวงตะวัน
ก็ปีนออกจากรัง มันเริ่มกระพือปีกของมัน ..



"แม่บอกให้รอที่บ้านนะ .. จะไม่เชื่อฟังแม่เหรอ" หนึ่งในพี่น้องของมันเอ่ยถามขึ้น



"ฉันอยากจะไปบนโน้น.. ประเดี๋ยวก็กลับมาแล้วล่ะ "
มันตอบ ก่อนจะเริ่มบินสูงขึ้น..สูงขึ้น
เริ่มห่างจากรังของตัวเองขึ้นไป..เรื่อย ๆ ..
มันบินขึ้นมาพ้นยอดไม้แล้ว.. และกำลังบินเหนือป่า



แสงตะวันในยามเช้า สาดแสงมาให้มันรู้สึกตาพร่าพราง..
แต่มันก็ยังฝืนทน บินสูงขึ้นไป..สูงขึ้นไป..
มันก้มลงมามองยอดไม้บ้านของมัน.. ก็กลายเป็นต้นหญ้าจิ๋ว ๆ ไปเสียแล้ว


ณ. วินาทีนั้นเอง ที่ลมเริ่มพัดแรงขึ้น.. เมฆสีขาวล้อมรอบตัวมันไว้..
มันถูกลมพัดไปพร้อมกับเจ้าก้อนเมฆซะแล้วสิ..
เจ้าก้อนเมฆหัวเราะคิกคัก เมื่อเห็นเจ้านกน้อยปีกเล็ก ๆ ที่กำลังบินเซไปเซมาอยู่ใกล้ ๆ


"มาทำอะไรบนนี้ล่ะ ..เจ้านกน้อย.. ไม่รู้หรือว่า บนนี้ไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรจะมานะ"


เจ้านกน้อยหันไปหันมาอยู่ครู่หนึ่ง.. เพราะไม่เคยคุยกับคนแปลกหน้ามาก่อน 
เมื่อมันเห็นก้อนเมฆยิ้มให้อย่างใจดี .. มันก็ตอบว่า


" ฉันอยากไปหาดวงอาทิตย์จ้ะ.. ฉันอยากจะไปบนโน้น แต่บินมาตั้งนานแล้ว..
ทำไมยังไม่ถึงก็ไม่รู้ .."


ก้อนเมฆมองเจ้านกน้อยอย่างขบขันระคนเอ็นดู..


"ดวงอาทิตย์น่ะรึ.. เจ้าจะบินไปหาดวงอาทิตย์รึ..
ฮ่า ๆๆ .. คงจะยากนะเจ้านกน้อย
เพราะดวงอาทิตย์อยู่สูงมาก และก็มีพลังงานความร้อนมากมายเหลือเกิน 
ถ้าเจ้าบินไปถึงจริง ๆ เจ้าคงจะกลายเป็นนกปิ้งล่ะเจ้านกน้อย..
แต่ว่านะ..เจ้าคงจะหมดแรงก่อนไปถึงแน่ๆ


ทางที่ดี เจ้ากลับไปบ้านของเจ้าจะดีกว่านะ 
เพราะป่านนี้ พ่อแม่ของเจ้า คงจะกลับจากไปหาอาหารแล้วล่ะ..
พวกเค้าคงจะเป็นห่วงเจ้าแล้ว"


"ไม่อ่ะ.." เจ้านกน้อยส่ายหัวเป็นพัลวัน..
"ฉันจะไปให้ถึงให้ได้.. ฉันจะไปให้ได้.. คอยดูสิ"
แล้วเจ้านกน้อยก็เริ่มบินสูงขึ้นอีกครั้ง.. เพราะขณะนี้ ลมเริ่มพัดอ่อนลงแล้ว



ทว่า.. ในนาทีนั้นเอง.. ที่น้ำฝนก็เริ่มตกลงมา เจ้าเมฆที่เป็นสีขาวเมื่อครู่ 
กลายเป็นสีเทาขุ่น ไปเสียแล้ว.. และกำลังสลายกลายเป็นหยดน้ำ.. ร่วงลงผืนดิน



เพราะท้องฟ้าสีหม่น ทำให้เจ้านกน้อยมองดวงตะวันได้บ่อยกว่าเมื่อครู่
แต่มันก็ยังรู้สึกแสบตาอยู่ดี
แต่มันจะรู้ไหม..ว่า ตอนนี้ รอบ ๆตัวของมัน.. ไม่ใช่แค่เพียง 
สายฝนเท่านั้นที่กำลังเทซัดสาดลงมา สวนทางกับตัวมันที่กำลังบินสูงขึ้น
ก่อให้เกิดความยากลำบากในการกระพือปีก..แล้วเหลือเกิน..



สายฝนเริ่มกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว.. ลมเริ่มพัดแรงอีกครั้ง.. 
ตอนนี้ ไม่น่าจะเรียกว่าลมอีกแล้ว ..
มันควรจะเรียกว่า พายุ จะเหมาะสมกว่า
เพราะพายุ พัดเจ้านกน้อย ให้ปลิวไปไกล.. จากทิศทางเดิมของมัน



เจ้านกน้อยเริ่มเหนื่อยอ่อน.. มันกระพือปีกของมันช้าลง..ช้าลง..
เพราะนอกจากแรงโน้มถ่วงของโลกที่ดึงรั้งมันเอาไว้แล้ว..
ยังมีสายฝนและพายุที่ต่อต้านไม่ให้มันบินไปถึง..



ดวงตาของมันเริ่มหนักอึ้ง.. เมื่อพายุพัดมันอีกครั้ง 
ร่างเล็ก ๆ ก็ปลิวไปกระแทกกับกิ่งไม้สูง..
มันร่วงหล่นลงสู่พื้นดินในทันที..



น่าสงสารจริง..เจ้านกน้อย.. ปีกเจ้าหักเสียแล้ว
สายลมและสายฝน..มิใช่อุปสรรคเดียวที่ทำให้หัวใจเล็ก ๆ ของมันทดท้อลง


หากแต่เป็นดวงตะวันบนฟากฟ้าโน้น.. ที่อยู่ไกล..แสนไกลเหลือเกิน




ดุจการคว้าฝันและความรักจากเธอ..ที่มันว่างเปล่า
เพราะ.. มันไม่เคยมีอยู่จริง ๆ..


 


 


 





0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น