ความจริงที่บอกไว้ว่าจะนอนเร็ว
เอาเข้าจริงๆก็ได้นอนตอนตีห้าครึ่ง
สะดุ้งตื่นตอนเกือบเที่ยง(บอกแม่ให้ปลุก แม่ไม่ปลุกเลยอ่ะ)
รีบโทรไปหาพี่จัน จะถามว่าอยู่ที่ไหนแล้ว
เป็นอันว่า รถเลี้ยวเข้า บขส. พอดี
ก็ให้พี่จันรออีกพัก เพราะเพิ่งตื่น -*-
อาบน้ำอย่างรวดเร็ว แล้วก็ออกไปรับ
ด้วยความงกๆเงิ่นๆ ขี่มอเตอร์ไซค์ไป ยังจะทำผ้ารัดผมหล่นกลางทาง
ไปวนใน บขส. 2 รอบ แบบว่า ไม่เจอกับเพื่อนหลายปี ลืมๆหน้าด้วยแหละ
แล้วก็ลืมถามว่า ใส่เสื้อสีอะไร
พอเจอกัน ก็รับกลับบ้าน
ตอนแรกว่าจะพาไปกินอะไรก่อนเข้าบ้าน แต่พ่อบอกว่า ให้พามาทานที่บ้าน
เพราะพ่อทำกับข้าวไว้ให้แล้ว
แต่ก็ยังไม่ได้เข้าบ้านก่อนหรอก
ไปแวะร้านต้นไม้ ได้เดปหัวใจมา1ต้น
ส่วนพี่จัน ก็ได้กระถางต้นไม้(อุตส่าห์ซื้อจากที่นี่ เหอๆ)
เข้าบ้าน กินข้าวกินปลาเรียบร้อย
ก็รอแป๊บนึง ป้านาก็มารับ เพราะแม่นัดป้านาขอให้ช่วยพาเที่ยว หุหุ
ความจริง รถป้านาสบายสุด - -"
หลังจากนั้น เราก็ออกจากบ้าน ประมาณบ่ายสองโมงกว่า
ออกจากตัวเมืองกระบี่ เดินทางไปยัง "ท่าปอม คลองสองน้ำ"
นั่งรถไปทาง จ.พังงา ประมาณ 30 กิโลจาก อ.เมืองกระบี่
ก็เห็นป้ายด้านซ้ายมือ
เลี้ยวซ้าย แล้วก็ตรงไปเรื่อย ๆตามเส้นทางที่ป้ายตามทางบอก
จนถึงท่าปอม...
จ่ายเงินค่าเข้าแล้วก็เดินไปตามทางเดินไม้
ชอบตรง เค้าทำทางเดิน(หรือสะพานหว่า) แล้วเว้นช่องให้ต้นไม้อยู่ตรงกลางทางด้วย
ตอนแรกก็พากันถือร่ม แต่ระยะทางมันไม่ได้ยาวมากเหมือนสระมรกต
จากที่มองสองข้างทาง เป็นป่าพรุเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงจุดที่คนเล่นน้ำกัน
ส่วนต้นน้ำที่เป็นน้ำจืด จะถูกปิดไม่ให้เข้า เพราะเป็นจุดอันตราย
ส่วนที่เปิดให้คนเล่นน้ำนี้ เป็นส่วนของน้ำจืด ที่ค่อย ๆ ไหล ไปชนกับน้ำเค็มอีกด้าน
ตรงต้นน้ำ มีต้นชมพู่น้ำอยู่มากมาย
แต่ฉันมองไม่เห็นลูกมัน(มีป่าวเนี่ย เหอๆ)
วันนี้คนเล่นน้ำกันสนุกสนาน ดูน้ำก็ใสน่าเล่นมากเลย
แต่ก็ไม่ได้เล่น เพราะมีเวลาจำกัด
ภาพนี้เป็นส่วนของน้ำเค็มที่ไหลเข้ามา (ที่มาของคลองสองน้ำ)
ไม่ได้ลงไปเล่นอ่านะ ไม่งั้นคงได้ชิมว่า ตรงนี้เค็มป่าว อิอิ
แต่ว่า จุดนี้ไม่ค่อยมีคนเล่นค่ะ มีแต่คนเดินดูน้ำใส ๆ กับปลาตัวเล็ก
มันเล็กจริงอ่ะ เลยถ่ายภาพได้ไม่สวย - -"
เดินไปอีกนิดเดียว ก็กลับมาทางออก...
แป๊บเดียวเอง ... เหอๆๆ
(นึกในใจ นี่เหรอ ที่ที่ฉันอยากจะมานักหนา - -")
น้ำใส สวย และเป็นธรรมชาติ
แต่ก็ได้ชื่นชมธรรมชาติล่ะนะ
แล้วจุดหมายต่อไปก็คือ.. ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่
ก่อนจะขึ้นรถ แม่ซื้อไอติมกะทิให้กินกันคนละแก้ว ดูท่าทางป้านาจะร้อนมาก
วันนี้ เลยได้ภาษาไทยไปอีกคำ
ร่ม - ร่มเงา (สงสัยไงว่า ทำไมต้องเรียกร่ม เลยบอกว่า มาจากร่มเงา)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น