วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2552

มีใจบ้างไหม?



ยามเย็นใกล้ค่ำ ในวันฝนพรำ
มุมหนึ่งของร้านกาแฟและเบเกอรี่ ถูกจับจองโดยบรรดาพนักงาน
ซึ่งได้เวลาพักไปโดยปริยาย เนื่องจากไม่มีลูกค้าเลยสักคน


จู่ ๆ เสียงหัวเราะแหลมเหล็กของหญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มก็ดังขึ้น


"ฮ่ะ..ฮ่ะ.. เธอว่าอะไรนะนุ่น อยากรู้ว่าควรให้ของขวัญอะไรกับชายหนุ่มเหรอ?"


หญิงสาวชื่อนุ่น แก้มแดงระเรื่อ หล่อนยกมือโบกไปมาราวกับปัดไล่คำถามและ
รอยยิ้มอันมีเลศนัยของบรรดาเพื่อนสาวที่นั่งล้อมวงอยู่ตรงนั้น 
เพียงแต่ ถ้าผิวขาวจัดของหล่อน จะหลอกว่าสีชมพูเข้มที่พวงแก้มนั้นเป็นสีที่แต่งเติมก็คงจะดีหรอก



"แค่ประโยคคำถามเท่านั้น อะไรกันนักหนาน่ะพวกเธอ"


"แน่ะ ๆ แอบมีแฟนไม่บอกให้พวกเรารู้เหรอไง หรือว่าไปชอบหนุ่มที่ไหนเข้า ..ฮะ ..ฮะ"


เพื่อน ๆ ยังคงไม่หยุดกระเซ้าหล่อน 
แต่แล้ว เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน ก็เงียบลงในทันที เมื่อเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นที่เคาน์เตอร์


" แอบอู้งานอีกแล้วเหรอ สาว ๆ .." เจ้าของเสียงเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง 
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูและกางเกงแสลคสีดำ
แต่สิ่งที่บ่งบอกว่า เขาเป็นใคร คือ ผ้ากันเปื้อนผืนโตสีขาว
ปักริมผ้าด้วยผ้าลายตารางสีฟ้า ขาว ..


" แหม ผู้จัดการก็ ..ก็ไม่มีลูกค้านี่คะ พวกเราก็เลยนั่งพักกันนิดหน่อยเอง " ลูกน้องสาวโต้ตอบ
พลางมองใบหน้าคมสันต์ด้วยประกายตาพราว ก็เขามีเสน่ห์ออกอย่างนั้น
ถึงจะดุและเข้มงวดอย่างไร ก็ไม่ใครจะลาออกไปสักคน


" จ้ะ ๆ ... แต่ทางที่ดี ช่วยเคลียร์งานที่ค้างคาอยู่ให้เรียบร้อยก่อน ค่อยพักก็ดีนะ .."
เขาเงียบไปชั่วอึดใจ พลางมองตรงมายังหญิงสาวผิวขาวที่สุดในกลุ่ม
" อย่างนุ่นน่ะ ทำตามเงื่อนไขแล้ว ผมไม่ว่า .. ทุก ๆคนก็ดูนุ่นเป็นตัวอย่างด้วยนะ " พูดจบ
ชายหนุ่มก็เดินไปด้านหลังร้าน
เขาไม่รู้เลยว่า ชั่ววูบเดียวที่เขาจ้องมายังหล่อน.. 
จะทำให้หัวใจของหญิงสาวแทบหยุดเต้น เพราะมันระรัวเร็วและแรงเหลือเกิน



หากแต่หล่อนต้องหลุดจากภวังค์ เมื่อเสียงของเพื่อนสาวที่บ่นกระปอดกระแปด


" อะไร ๆ ก็ยัยนุ่น แหม.. ยกให้นุ่นเป็นพนักงานดีเด่นก็ได้ พวกเราไม่อิจฉาเลยสักนิด "


" พูดงั้นทำไมอ่ะ เอางี้ เดี๋ยวช่วย ๆ กัน เสร็จแล้วจะได้กลับพร้อมกันก็ได้ " 
หล่อนไม่ได้เป็นหัวหน้า แต่ก็รักเพื่อนจนมองข้ามความรู้สึกของงานที่ต้องหน้าที่ใคร หน้าที่มัน ..



...


สองชั่วโมงผ่านไป หญิงสาวเพิ่งจะเข้าไปเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ห้องเก็บของด้านหลัง
และแล้ว.. ผลของความรับผิดชอบเกินหน้าที่ของหล่อน ก็คือ.. หล่อนต้องเป็นคนปิดร้าน


" อย่าโกรธเราเลยน๊า นุ่น เราต้องรีบกลับอ่ะ นัดแฟนไว้ แหะ ๆ เดี๋ยวไม่ทัน "


"จ้า ๆ... " หล่อนไม่โทษเพื่อนหรอก .. ก็คนเค้ามีคู่ให้ไปเจอนี่นา..


เพียงแต่.. เหตุผลสำคัญ 
อาจเพราะ ใครบางคนที่ก้มหน้าก้มตาตรวจบัญชี
อยู่ในห้องกระจกฝั่งตรงข้ามกับหล่อนในเวลานี้..ก็เป็นได้



ดวงตาคู่หวาน นัยน์ตาเศร้า ลอบมองไปยังเขาหลายครั้ง
แอบเพ่งพิศ เขาอยู่หลายครา .. หล่อนเห็นความจริงจังและมุ่งมั่น 
หากเพียงแต่ ..หล่อนรู้สึกว่า .. หล่อนสัมผัสความรู้สึกอ้างว้างจากเขาได้จากแววตาเหงา 
ที่วูบไหวเป็นครั้งคราว เมื่อเขาเหม่อมองไปที่หน้าร้าน



คงคิดถึงแฟนเก่าล่ะสินะ.. 
ผู้หญิงคนนั้น ที่ร่วมกันคิดทำร้านนี้กับเขา.. 
แต่ก็มีอันต้องจากไปด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบินเมื่อปลายปีก่อน..


หล่อนรับรู้เรื่องเหล่านี้จากปากของเพื่อนพนักงานที่ทำงานมาก่อนหน้า



แต่แล้วหล่อนก็ใจระรัวอีกครั้ง เมื่อเขาหันมองมาที่หล่อน แววตาฉงนฉายอย่างเปิดเผย
ก่อนที่หล่อนจะหันหลังหนี เขาก็ยกมือขึ้นเรียก



...


ครึ่งชั่วโมงต่อมา หล่อนนั่งตัวตรงอยู่ในร้านข้าวต้มข้างถนน
มือไม้วางแทบไม่ถูก .. 
ช่างแตกต่างกับคนที่นั่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง 
เขาพับแขนเสื้อขึ้น ไม่มีผ้ากันเปื้อนแล้ว .. เขาเหมือนหนุ่มออฟฟิศที่เพิ่งเลิกงาน
แต่ไปช่วยใครขนของ หรือย้ายบ้าน มา อย่างไงอย่างงั้น


ชายหนุ่มตักข้าวเข้าปากไปหลายคำแล้ว ..และเพิ่งสังเกตว่า
หญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเขานั่งนิ่ง
ข้าวต้มในชามใบเล็กของหล่อน ไม่ได้พร่องไปเลยสักนิด..


"ไม่หิวเหรอนุ่น" เขาถามขึ้น


" ยังไม่ค่อยหิวค่ะ" เสียงหล่อนเบาจนแทบจะปลิวไปกับสายลม


" ได้ไงอ่ะ .. ทานสิ ทานเยอะ ๆ เลยนะ นี่มันเลยมื้อเย็นมาตั้งนานแล้วนะ เอาน่า..มื้อนี้ผมเลี้ยง" 
เขาตักไข่เจียวใส่ชามของหล่อน ความเป็นกันเองของเขา
ทำเอาหญิงสาวแทบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง 
หล่อนก้มหน้าก้มตารับคำ และตักข้าวใส่ปากเงียบ ๆ



...


คืนนั้นหญิงสาวพลิกไปพลิกมาบนที่นอนหลายตลบ
ยากเหลือเกินที่จะข่มตาให้หลับลงได้..


ไม่อยากให้ภาพของเขาในวันนี้หายไปจากความทรงจำเลยสักวินาทีเดียว
และแม้ว่าจะสะท้านและวูบไหวเพียงใด หล่อนก็ลอบมองเขาเป็นระยะ ๆ..


ยิ่งเห็นใบหน้าและแววตาที่ดูใจดี .. เหมือนความเหงาในดวงตาเขาจะหายไป


หากแต่ เมื่อความคิดไพล่ไปถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย.. ก็มีคำถามขึ้นในใจ
เขาใจดี เพราะ หล่อนเป็นลูกน้องหรือเปล่านะ..
หรือเพราะ เขามีมนุษย์สัมพันธ์ดีอยู่แล้ว
แต่ไม่หรอกน่า.. ก็เขาไม่เคยเลี้ยงข้าวลูกน้องคนอื่นเลยนี่นา
ไม่แน่หรอก.. เขาอาจมีใจให้หล่อนก็เป็นได้


คิดมาถึงตรงนี้ หล่อนก็ยิ้มกับตัวเอง 
หมอนหนุนกลายเป็นที่เก็บเสียงหัวเราะ



...


เช้าวันต่อมา หญิงสาวหยิบภาพปักครอสติส ภาพนกพิราบโบยบินเหนือท้องทะเลขึ้นมาดู
ภาพขนาดกลาง ไม่ใหญ่นัก แต่ลวดลายละเอียด ..และนี่ล่ะ..ที่หล่อนเฝ้าปักมาแรมเดือน


มือบางลูบเบา ๆบนภาพ ก่อนจะเก็บอย่างทะนุถนอมในกระเป๋าผ้า
เตรียมจะเอาไปใส่กรอบ..ก่อนเข้าร้าน



เกือบชั่วโมงต่อมา.. หล่อนก็มาถึงร้าน
เมื่อเปิดประตูก้าวเข้าไปในร้าน.. หล่อนก็พบว่า ไม่ใช่คนแรกที่มาถึง
ประตูห้องทำงานกระจกใสเปิดค้าง.. เสียงที่เล็ดลอดออกมา
ทำให้คนได้ยินหัวใจร่วงหล่นไปในทันที



"สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่พอล ..มีความสุขมาก ๆนะคะ .."


"ขอบใจจ้ะ.. ความจริงไม่ต้องลำบากหรอกนะ พี่ไม่ได้อยากได้อะไร"


" แหม.. วันเกิดพี่พอลทั้งคน จะให้น้อยหน่าไม่สนใจได้ยังไงคะ ..
เนี่ย น้อยหน่าเลือกมากับมือเลยนะคะ...."


ประโยคต่อไปเป็นอย่างไร หล่อนไม่สามารถยืนรับรู้ได้อีกต่อไป
สองขาพาร่างบางวิ่งออกจากร้านไป.. วิ่ง..วิ่ง..วิ่งไป.. ให้ไกลที่สุดเท่าที่แรงจะมี


หล่อนรู้สึกตัวอีกที ก็ยืนอยู่ที่ป้ายรถเมลล์ 
คนเดินสวนไปสวนมา.. แต่ไม่มีสักคนที่หล่อนจะเอ่ยปากบอกเล่าความรู้สึกได้



หล่อนไม่ได้น้อยใจ.. ที่เพื่อนร่วมงานชิงตัดหน้าให้ของขวัญวันเกิดกับเขาหรอก
เพียงแต่..สรรพนามที่ เพื่อนของหล่อนเรียกเขา..และเขาแทนตัวเอง..
มันช่างสนิทสนมกันเหลือเกิน..


ทั้งที่ตลอดมา ต่อหน้าทุกคน เพื่อนของหล่อนก็เรียกเขาว่า "ผู้จัดการ" เสมอ


หรือว่า.. แท้ที่จริงแล้ว.. สองคนนั้นจะเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อนร่วมงาน
แต่ตัวหล่อนเอง.. ก็เป็นแค่ผู้หญิงที่บังเอิญไปมีใจ..ให้กับ...
คนที่ไม่เคยมีใจให้หล่อน..เลย



...



ก่อนที่น้ำใสจะไหลจากดวงตา.. เสียงเพลงเรียกเข้าของมือถือก็ดังขึ้น


"..แต่สิ่งที่ฉันทำ..กลับไม่เคยถึงเธอ..
เพียงแค่เจอหน้าเธอ..ก้อไม่เคยได้พูดไป.."


เบอร์เขานี่.. เขาไม่เคยโทรหาหล่อนเลยสักครั้ง
ตั้งแต่หล่อนสมัครงาน เขาก็รู้เบอร์หล่อน ..คงแค่เมมเอาไว้
แต่วันนี้กลับโทรมา.. ทำไมนะ..?



หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น..ราวเก็บกดความรู้สึกก่อนจะกดรับ


"นุ่นพูดค่ะ"


" ... " เขาเงียบ.. จนหล่อนคิดว่า หล่อนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของเขา


" คะ.. มีอะไรหรือเปล่าคะ..ผู้จัดการ"


" นุ่น.. นุ่นเป็นอะไรหรือเปล่า.." น้ำเสียงเขาห่วงใยจนหล่อนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
เพียงแต่ความถูกต้องห้ามน้ำเสียงหล่อนไว้..แต่มันก็เล็ดลอดให้เขารับรู้จนได้



" เปล่านี่คะ.. เดี๋ยวนุ่นจะถึงร้านแล้วค่ะ"


" นุ่น.. นุ่นครับ.. นุ่นวิ่งออกจากร้านไปทำไม.. " เขาได้ยินเสียงปนสะอื้นของหล่อน..
มีหรือจะไม่สงสัยเท่าที่เห็นแผ่นหลังไว ๆ ที่ผลุนผลันวิ่งออกจากร้านไป..
ก็ทำให้เขาสงสัยอยู่ข้อหนึ่งแล้ว


"...." หล่อนเงียบ เพราะจนในคำตอบ หล่อนไม่ใช่นักโกหก ..


" ผมเป็นห่วงนุ่นนะ.. รู้ไหม .. ถ้านุ่นจะเข้าใจอะไรผิดพลาดไป
ระหว่างผมกับน้อยหน่าล่ะก็..นุ่นเข้าใจผิดนะ"
หล่อนนิ่ง.. นิ่งไปเพราะงุนงงว่า.. เหตุใดเขาจึงอ่านความคิดหล่อนออก..



"นุ่นครับ .. กลับมาที่ร้านก่อนได้ไหม.. ผมมีเรื่องอยากจะบอกกับนุ่นด้วย.. เป็นเรื่องสำคัญ"


" เรื่องอะไรคะ .. บอกตอนนี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวไปถึงร้าน นุ่นก็ต้อง.."


"เย็นนี้ไปทานข้าวกับผมได้ไหม" เขาเงียบไปเมื่อพูดขัดหล่อนจบ


" คะ.. ไปทานข้าวเหรอคะ ?" หล่อนรู้สึกเหมือนสองข้างแก้มจะร้อนผ่าว..ผ่าว


"ครับ .. ได้ไหม ?"


" ต้องร้านข้าวต้ม..ร้านเดิมนะคะ.." หญิงสาวตั้งเงื่อนไขอย่างลืมตัว แต่หล่อนไม่ลืมว่า..
เรื่องนี้.. หล่อนไม่ได้มีใจไปฝ่ายเดียว..






0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น